‘จุรินทร์’ ซัดมาตรฐานรัฐบาลสวนทางความสูงนายกฯ เปรียบเป็นนโยบายน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง จวก ขึ้นค่าแรง-เงินเดือนขั้นต่ำ 25,000 ขายฝัน ชี้ นโยบายที่กล่าวมาเป็นแค่ลมปากตอนหาเสียง เหน็บ รบ.ต้องยึดหลักนิติธรรมเท่าเทียม ไม่ใช่คนจนติดคุก
11 ก.ย.2566-เวลา 11.25 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีกับนายเศรษฐาและครม. ทุกคน นับจากนี้ตนและพรรค ปชป. จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านตามวิถีทางรัฐสภา นายเศรษฐาประกาศว่า รัฐบาลนี้จะเป็นของประชาชน ตนก็ขอประกาศว่า พรรค ปชป. ก็จะทำหน้าที่ของประชาชนและจะทำหน้าที่ตรวจสอบราชการแผ่นดินเต็มความสามารถ ตนขอแสดงจุดยืนสั้นๆ ต่อประธานสภา 2 ข้อ หนึ่ง ขอยืนยันว่าพวกตนจะไม่ค้านทุกเรื่อง แต่จะทำหน้าที่ฝ่านค้านเข้มแข็ง ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชนและรักษาประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน สอง การทำงานร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น พรรค ปชป. ถือหลักแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง อะไรที่เป็นจุดยืนสำคัญของพรรคอย่าง ไม่แตะม.112 แม้ในวันหนึ่งอาจจะมีพรรคร่วมฝ่ายค้านใดได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณในสภา ปชป.จะไม่สนับสนุน ขณะเดียวกันพวกตนพร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคเต็มกำลัง ที่ต้องหยิบยกเรื่องนี้มาพูดก่อนเพื่อป้องกันความไม่เข้าใจที่อาจเกิดในอนาคต จนนำไปสู่ข้อครหาว่าฝ่ายค้านแตกกัน จนทำให้การทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชนขาดน้ำหนักโดยไม่จำเป็น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายที่นายกฯ แถลงไป ตนได้ดูอย่างละเอียด มีความเห็นเหมือนสาธารณชนทั่วไปและสมาชิกหลายคนที่อภิปราย ว่ามาตรฐานรัฐบาลชุดนี้สวนทางกับความสูงของนายกฯ จริงๆ การตั้งโจทย์ประเทศคลุมเครือ นโยบายเลื่อนลอยขาดความชัดเจน หากใครอ่านครบจะพบว่าฟุ่มเฟือยด้วยวาทกรรมวกไปวนมา กลายเป็นนโยบายน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ที่สำคัญที่ทุกคนเห็นตรงกันคือ นโยบายที่นายเศรษฐาแถลงเมื่อสักครู่และนโยบายหาเสียงเป็นหนังคนละม้วน เป็นนโยบายไม่ตรงปกอย่างที่วิจารณ์กัน
นโยบายแรก เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ตอนหาเสียงอึกทึกคึกโครม สร้างความหวังให้เด็กที่กำลังจะเรียนจบ วันนี้นโยบายนี้หายไปไหนเสียแล้ว กลายเป็นนโยบายนินจาเพราะหายไปอย่างไร้ร่องรอย หรือท่านคิดว่านโยบายนี้ตอนหาเสียง ว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 2570 อย่างไรก็อยู่ไม่ถึงจึงไม่จำเป็นต้องระบุไว้ ท่านสัญญาแล้วต้องทำ ตนขอทวงสัญญานี้แทนคนรุ่นใหม่ทั้งประเทศ
นโยบายที่สอง ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ตอนหาเสียงหลายฝ่ายท้วงว่าหากขึ้นค่าแรงทันที 600 บาทต่อวัน น่าเป็นห่วงเอกชน และเอสเอ็มอีโดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพราะรับต้นทุนที่สูงขึ้นกระทันหัน สุดท้ายหากต้นทุนสูงขึ้น ต้องไปผลักภาระให้สินค้าผลิตผล กรรมตกไปอยู่กับประชาชน ในที่สุดเอสเอ็มอีเจ๊ง ผู้บริโภคก็เจ๊ง แต่ท่านไม่ฟังเพราะกำลังหาเสียงโกยคะแนนกับผู้ใช้แรงงาน และสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นค่าแรง 600 บาทต่อวันในปี 2570 พอมาดูนโยบายที่ท่านแถลง มีระบุไว้เพียงแค่บรรทัดเดียวว่า ค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรมคือสิ่งที่จะทำ รวมทั้งสามรถทำให้ผู้ใช้แรงงานเข้าถึงสวัสดิการที่เหมาะสม
นโยบายที่สาม รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ขีดเส้นใต้ว่า ทำทันที ล่องหนไปอีกนโยบาย นักข่าวทนไม่ไหวตามไปสัมภาษณ์นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ท่านอึกอักบอกว่า อีกสองปีจะทำ ไม่เป็นไรอย่างน้อยท่านก็ผิดคำพูดไปอีกหนึ่งคำแต่อย่าผิดคำพูดที่สองต่อไป ท่านต้องทำเกิดขึ้นให้ได้ คำถามคือ เอาเงินที่ไหนมาทำ จะต้องเอาเงินประเทศไปชดเชยให้บริษัทเอกชนหรือไม่อย่างไร นี่คือสิ่งที่รัฐบาลและนายกฯ ต้องตอบ
นโยบายที่สี่ นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ เมื่อสักครู่น.ส.ศิริกัญญา เอ่ยไปว่า เติมเงินให้ทุกครอบครัวที่รายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท ทุกเดือน แต่ให้นักวิชาการดูคร่าวๆ ว่าครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน มีเกือบ 20 ล้านครอบครัว หากจะทำนโยบายนี้ต้องเติมเงินหลักแสนล้าน จะนำเงินมาจากไหนหรือสุดท้ายกลายเป็นนโยบายล่องหน
นโยบายที่ห้า เรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ตอนหาเสียงท่านบอกว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ ในจังหวัดที่มีความพร้อม วันนี้ที่นายกฯ แถลงไม่มีสักคำ และยังถูกแปลงโฉม จากผู้ว่าราชการที่มาจากการเลือกตั้ง ไปเป็นผู้ว่าซีอีโอ เปลี่ยนจากกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นรวบอำนาจมาสู่การปกครองส่วนภูมิภาค
“ผมหยิบ 5 นโยบายมาเป็นตัวอย่างเพื่อจะบอกว่า แค่ลมปากตอนหาเสียง เพราะท่านไม่เขียนในนโยบายที่แถลง ตนต้องพูดเพราะมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารแทนประชาชน และต้องพูดให้รัฐบาลได้ตระหนักว่า หาเสียงได้แต่ต้องมีความรับผิดชอบ อย่าให้เหมือนตอนไล่หนูตีงูเห่า สุดท้ายทั้งหนูทั้งงูเห่าอยู่ด้วยกัน แล้วก็กลายเป็นแค่เทคนิคการหาเสียงหรือแค่นโยบายการละคร สิ่งนี้ประชาชนไม่ต้องการเห็น ต้องการยกระดับมาตรฐานการเสียงของพรรคการเมืองให้สูงกว่านี้ พูดแล้วต้องทำอย่างที่ประชาชนคาดหวัง”
นายจุรินทร์กล่าวว่า ในส่วนนโยบายที่หก นโยบายการเกษตร นายเศรษฐากล่าวที่จ.ขอนแก่นชัดเจน ว่ารัฐบาลนี้จะไม่มีนโยบายจำนำข้าวและประกันรายได้เกษตรกร ไม่มีนโยบายจำนำข้าวดีแล้วเพราะเป็นต้นเหตุการทุจริตคอร์รัปชัน นโยบายจำนำข้าวจนวันนี้สร้างภาระหนี้ให้ประเทศ 884,000 ล้านบาท ประเทศไทยยังค้างชำระหนี้โครงการนี้อยู่ 254,000 ล้านบาท ซึ่งคนที่จะต้องใช้ต่อไปรัฐบาลถัดจากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเหมือนกรรมมีจริง
อย่างไรก็ตาม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรค พท. ลุกขึ้นประท้วงว่า ผู้อภิปรายอยู่กำลังอภิปรายเลยกรอบ ที่เรากำลังอภิปรายรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ใช่นอดีตและการอภิปรายของนายจุรินทร์เป็นเท็จในสภา จึงขอให้ถอนคำพูดที่บอกโครงการจำนำข้าวในสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างความเสียหาย เช่นเดียวกับนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. ลุกขึ้นประท้วงเช่นกันว่า พรรค พท. ไม่ได้มีโอกาสแสดง โดนปฏิวัติเสียก่อน เพื่อไล่ล่าและเปลี่ยนรัฐบาล ตนจึงอยากให้ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ ไม่อยากให้พูดกันต่อ เพราะทั้งการจำนำข้าวหรือการประกันราคาข้าว เป็นการช่วยเหลือชาวนา
จากนั้น นายจุรินทร์ได้อภิปรายต่อว่า ตนกำลังอภิปรายถึงรัฐบาลชุดนี้ที่นายกฯ บอกว่าไม่ทำจำนำข้าว ตนว่าดีแล้ว และตนพร้อมสนับสนุน เพราะจำนำข้าวรัฐบาลนี้ต้องมาใช้หนี้ 250,000 ล้านบาท แต่คำถามคือถ้านายกฯ ไม่ทำจำนำข้าวและไม่ทำประกันรายได้เกษตรกร แปลว่าต่อไปนี้ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด ไม่มีเงินส่วนต่างแล้วใช่หรือไม่ และถ้าวันหนึ่งราคาพืชผลเกษตรเหล่านี้ราคาตก อะไรจะกลายเป็นตัวช่วยให้เกษตรกรช่วยยังชีพอยู่ได้ และนายกฯระบุว่าจะพักหนี้เกษตรกรแทน ตนไม่ค้านแต่พักหนี้แค่หยุดต้นกับหยุดดอก หมดเวลาเมื่อไหร่ก็มารวมกันกลายเป็นหนี้เดินต่อ สุดท้ายพักหนี้แค่ต่อลมหลายใจให้เกษตรกรชั่วคราว ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำว่ารัฐบาลต้องทำเพราะเป็นสัญญาที่หาเสียงไว้ แต่มีคำถามคือทำอย่างไร และเอาเงินมาจากไหน ขอเตือนว่าอย่าให้นโยบายนี้กลายเป็นการทุจริตเชิงนโยบายเด็ดขาด สำหรับเรื่องนโยบายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลเขียนไว้ในนโยบายเร่งด่วน ตนและพรรค ปชป. ให้การสนับสนุนเรื่องดังกล่าว แต่มีข้อสังเกตว่าทำไมนโยบายไม่กล้าระบุให้ชัด เกรงใจใครหรือไม่ ส่วนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ตนเป็นห่วงว่ารัฐบาลเอาจริงแค่ไหน เพราะทั้งเล่มนโยบายป้องกัน ปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น มี 2 บรรทัด ซึ่งทางรัฐบาลต้องตระหนักว่าไม่ทำเหมือนอดีต เพื่อรักษาประชาธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประชาชน เพราะรัฐบาลท่านในอดีตเคยถูดยึดอำนาจ 2 ครั้ง เพราะเหตุแห่งการทุจริต และการออกกฎหมายล้างการทุจริต จนคนออกมาเป็นล้าน และในที่สุดนำมาสู่การยึดอำนาจ ท่านจะต้องไม่ทำประวัติศาสตร์ไปซ้ำรอยเดิมอีก และตนขอให้กำลังใจถ้าท่านตั้งใจปราบปรามทุจริตจริงๆ
ทำให้นายครูมานิตย์ ลุกขึ้นประท้วงอีกว่า ตนไม่สบายใจเพราะผู้อภิปรายระบุว่าพรรคของตนรัฐบาลในอดีตโดนปฏิวัติด้วยการทุจริต ตนว่าเป็นการใส่ร้ายเกินเหตุความเป็นจริง สังคมรู้ บางพรรคอาศัยบุญบารมีของคณะปฏิวัติ วันนี้เริ่มสูญเสียอำนาจ และกำลังสูญเสียอะไรหลายๆอย่าง ต้องถอนคำว่าทุจริต
นายจุรินทร์ อภิปรายต่อว่า นโยบายที่นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนว่าจะฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่มีความเข้มแข็ง รัฐบาลข้ามขั้ว แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็นรัฐบาลสลายขั้ว สลายความขัดแย้งไม่ได้ มีแค่หลักนิติธรรมที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศมีความหวัง ซึ่งหลักนิติธรรมคือทุกคนเท่าเทียมกัน ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ซึ่งนโยบายดังกล่าวคือจุดเริ่มต้นของความหวัง จะศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นจริงได้อยู่ที่ตัวของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล การพระราชทานอภัยโทษที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 ก.ย. นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษต้องสำนึก และรัฐบาลก็ต้องสำนึกว่าผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษยังเป็นผู้มีความผิด หากมีคำพิพากษาศาลในคดีใดเกิดขึ้นอีกว่ามีการกระทำความผิดก็ยังจะต้องรับโทษใหม่ในอนาคต จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องตระหนักว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องบังคับใช้กฎหมายโดยหลักนิติธรรม เท่าเทียมกับคนไทยทุกคนต่อไป
ถ้ารัฐบาลก่อนหน้าทำไม่ถูก ท่านก็ทำให้ถูก อย่าปล่อยเลยตามเลย ตนเห็นว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญของรัฐบาลที่จะทำให้วลีที่เราพูดกันว่า คุกมีไว้แค่ขังคนจน กับคนไม่มีอำนาจ ให้หายไปได้ โดยนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ตนขอให้นายกรัฐมนตรีรักษาคำพูด ยึดมั่นในสิ่งที่แถลงไป ขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลประสบความสำเร็จในการเร่งฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งให้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ปชน.' ตีปี๊บ! 1 ปีฝ่ายค้านผลงานเพียบ เมินเรตติ้งร่วง โต้ฮั้ว พท.
'พรรคประชาชน' โวผลงานฝ่ายค้าน 1 ปี' เสนอกฎหมาย 84 ฉบับ ตั้งเป้าทำงานผสมผสานได้ทั้ง 'รุก-รับ' ปัดฮั้ว 'เพื่อไทย' เมินผลโพลคะแนนร่วง เปรียบ 'เตะบอล' ต้องรอจบ 90 นาที
'เพื่อไทย' ไม่ฟังเสียงต้าน! ดันทุรังเข็น 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
'จุรินทร์' แนะอย่าแก้ รธน. เพื่อตัวเอง
”จุรินทร์“ ชี้ รธน.แก้ได้ แต่ไม่ควรแก้เพื่อตัวเอง และต้องไม่ทำลายหลักการส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
‘พิชัย’ หยัน ‘โรม’ อภิปรายต่ำกว่าคุณภาพเดิม สร้างแต่วาทกรรมสาดโคลน
‘รมว.พาณิชย์’ เสียดาย ‘รังสิมันต์’ สร้างวาทกรรมสาดโคลน ทำบุคคลอื่นเสียหาย แนะ ต้องไม่กลายพันธุ์เป็นคนรุ่นเก่า
'วิสุทธิ์' จวกฝ่ายค้านใช้สภาฯสร้างวาทกรรม 'รัฐบาล 3 นาย' แทนที่จะพูดเรื่องน้ำท่วม
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า
สส.ปชน. เหน็บปชป. 'รัฐบาลแพทองธาร' ทำตาสว่าง ปลุกคนใต้จะเลือกพรรคมีสัจจะหรือสับปลับ
สส.ปชน. เหน็บปชป. 'รัฐบาลแพทองธาร' ทำตาสว่าง เคยต่อว่ากัน แต่สุดท้ายพลอยเป็นรัฐบาลกับเขา ปลุก คนใต้จะเลือกพรรคมีสัจจะหรือสับปลับ