'เศรษฐา' สั่งรัฐมนตรีเข้มเรื่อง 'แต่งตั้งโยกย้าย-ใช้งบประมาณ'

นายกฯ นำถก ครม. กำชับทำงาน โปร่งใสทั้งแต่งตั้งโยกย้ายและใช้งบประมาณ เคร่งครัดกฎหมาย เร่งทำงาน แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน

06 ก.ย.2566 - ที่ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) โดยนายกฯ ได้กล่าวชี้แจงกับ ครม.ถึงแนวทางการทำงานร่วมกันว่า ในฐานะรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งได้พูดไปแล้วในหลายเวทีว่าจะเป็นรัฐบาลของประชาชน จะทำงานเพื่อประชาชน ที่ปฏิบัติตัวเคร่งครัดตามรัฐธรรม และตามกฎหมาย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาความแตกแยกทางด้านความคิดทั้งหลาย

นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำงานแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ขอให้ทุกท่านรีบทำ รีบสร้างผลงานออกมา เพราะว่าพี่น้องประชาชนทุกคนกำลังเดือดร้อน กำลังรอคอยการทำงานของรัฐบาล เมื่อทุกท่านเข้ากระทรวงแล้วขอเก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบการทำงาน ขอเน้นย้ำเรื่องการโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้เข้าใจเห็นใจข้าราชการที่ตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ต้องการความก้าวหน้าทางด้านการงาน เรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่ต้องการให้เอาเปรียบข้าราชการ ขอให้ทุกท่านให้เกียรติข้าราชการ ส่วนการจัดเตรียมงบประมาณประจำปี ขอให้คณะรัฐมนตรีช่วยไปดูกระทรวงในกำกับว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงนโยบายฯ

ช่วงท้าย นายกฯ ได้กล่าวย้ำ ขอให้คณะรัฐมนตรีตระหนักว่าเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าให้มีการแบ่งแยกพรรรคพวก เป็นรัฐบาลที่ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ชวนคนไทยเชียร์ตัวแทนทีมชาติไทยในโอลิมปิกปารีส 2024

นายกฯ ส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยร่วมแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งที่ 33 วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 นี้ เชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์และรับชมถ่ายทอดสด

นายกฯ ควบคุมทิศทางอุตสาหกรรม MICE ฟุ้ง สร้างรายได้กว่า 2 แสนล้าน

นายกฯ ควบคุมทิศทางอุตสาหกรรม MICE เชื่อมั่นเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนจัดงาน-กิจกรรมตลอดไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2567 กระตุ้นตลาด MICE ไทย คาดการณ์เเนวโน้มปีงบประมาณ 2568 สร้างรายได้กว่า 2 แสนล้านบาท