แย่งชามข้าวฝุ่นตลบ! คนเลี้ยงหมู ยื่นเพื่อไทยยึด ก.เกษตรฯ ขู่ตัดขาดหากปล่อยให้พรรคอื่น

“กลุ่มเกษตรกร” ยื่นหนังสือบี้ “เพื่อไทย” อย่าปล่อยเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ ลั่น ให้พรรคอื่นนั่ง เตรียมตัดขาด ด้าน “สมศักดิ์” ย้ำ “โผครม.” ยังไม่นิ่ง

25 ส.ค.2566 - ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร กลุ่ม “พวกเราชาวหมู” หรือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ได้เดินทางมาเพื่อสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานนโยบายเกษตร พรรค พท. เป็นผู้ลงมารับหนังสือ

โดยตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า หากปล่อยให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องเกษตรเข้ามาสั่งการ และสานต่อการทำงานเก่า ที่มีปัญหาในเรื่องการทุจริต ปัญหาหมูเถื่อน ประมง วัวเนื้อ ชาวนา และปัญหาอื่นๆ นั้น จะทำให้เกษตรกรไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เราจึงต้องการให้พรรคเพื่อไทยมาดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากทางกลุ่มเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่หาเสียงเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร และเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาได้

“หากพรรคเพื่อไทยไม่ดูแล พวกเราเกษตรกรและพรรคเพื่อไทยก็ขาดกัน ไม่สนับสนุนกันอีกต่อไป” ตัวแทนกลุ่ม “พวกเราชาวหมู” กล่าว

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาหมูเถื่อน ทำให้ราคาหมูตกต่ำ จึงต้องเร่งแก้ไขและประสานเพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือให้พี่น้องเกษตรกร ซึ่งตนจะนำหนังสือนี้ไปให้นายกรัฐมนตรีเพื่อให้รับทราบ และจะนำปัญหาสะท้อนไปถึงผู้บริหารประเทศต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครจะทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขณะนี้ยังไม่จบ และยังไม่มีรายละเอียด คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนทำ ต้องรอการแถลงของนายกรัฐมนตรีที่จะแจ้งให้ทราบว่าใครเป็นใคร

เมื่อถามว่า ดีลในบางตำแหน่งยังไม่ลงตัวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามที่สื่อนำเสนอ เพราะสื่อมวลชนรู้ดี บางอย่างตรงไม่ตรงก็ไม่รู้ แต่ก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ จึงเห็นได้ว่ายังไม่นิ่ง ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้มึชื่อของตนปรากฏว่าจะทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ตนเองก็ไม่ทราบ และไม่รู้ว่าใครเอามาเขียน

ถามถึงความเป็นไปได้ของพรรค พท. ว่าจะได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถามตนไม่ได้หรอก เพราะเป็นเรื่องที่อยู่สูงกว่าที่เราคิด เป็นเรื่องของผู้บริหาร

ถามอีกว่า นโยบายหลายอย่างของพรรค พท. มีเรื่องการเกษตรกรอยู่ด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงควรอยู่กับพรรค พท.หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็พิจารณากัน

ด้านนายนายวิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหากพรรค พท.ไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะกังวลถึงการเลือกตั้งในรอบหน้าหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มผู้สนับสนุนระบุว่า จะตัดขาดกับพรรค พท. นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เรากังวลใจเรื่องของเกษตรกรทั้งหมด ซึ่งมีตั้งแต่สมาคมประมง วัวเนื้อ กลุ่มเกษตรกรชาวนา กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร กลุ่มปลูกอ้อย และอีกสารพัด ซึ่งคนเหล่านี้พยายามจะแจ้งเข้ามา เพื่อให้ดูแลพวกเขา เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้มาก ว่าจะดูแลชาวเกษตรกรรากหญ้าทั่วประเทศ หวังว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่เมื่อมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนก็ไม่ทราบกับทางผู้บริหาร เพราะไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา แต่เกษตรกรก็โทรเข้ามาจนรับสายไม่ไหว ซึ่งเขาก็ขู่ว่าถ้าไม่ดูแล จะไม่เลือก ซึ่งตนขอให้ใจเย็นไว้ก่อน เพราะตนจะนำเรื่องไปแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป

ถามยํ้าว่า หากพรรค พท.ไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะชี้แจงให้ประชาชนสามารถเชื่อใจได้หรือไม่ นายนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องลำบากที่จะชี้แจง เพราะก็รูัว่ามีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและเกษตรกรทั้งประเทศอยู่แล้ว แต่จะชี้แจงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ต้องรอฟัง

ซักว่า หากผู้สนับสนุนกล่าวเช่นนี้แล้ว จะทำให้ทีมเจรจาของพรรค พท.กับพรรคร่วมลำบากหรือไม่ นายนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ต้องบอกตามข้อเท็จจริง เราก็ต้องฟังผู้สนับสนุนของเราด้วย ไม่ใช่ฟังแต่ผู้เจรจาเพียงอย่างเดียว ต้องให้ผู้เจรจาทราบว่าพี่น้องประชาชนต้องการอย่างนี้ เพราะเรามาจากประชาชน แต่การตัดสินใจก็เป็นเรื่องของพรรค

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนาคตไกล' ชี้ตัวแปรทำ 'ชาญ' ชนะเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี

“อนาคตไกล” ชี้ตัวแปร ทำให้ชาญ ชนะการเลือกตั้ง นายกอบจ.ปทุมธานี แม้ ปปช.ชี้มูลและศาลประทับรับฟ้อง ก็ไม่ขาดคุณสมบัติสมัครนายกอบจ.

เหนื่อยแน่! เพื่อไทย รับต้องปรับยุทธศาสตร์ หลังผลโพลตามหลังก้าวไกล

นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลนิด้าโพลเปิดผลโพลในไตรมาส 2 ที่ ปรากฏว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ พรรค

‘สรรเพชญ’ เบรก รบ.อย่าคิดขายชาติ ย้อน ‘พท.’ อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำอีก

นายกรัฐมนตรีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่