หัวหน้าพรรคเสมอภาค บุกเหนือ อีสาน ตั้งสาขาพรรค เจาะกลุ่มเป้าหมายสตรี พร้อมยกระดับสมุนไพรไทย พัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
12 ธ.ค. 2564 – นางรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ หัวหน้าพรรคเสมอภาค เดินทางไปเป็นประธาน จัดประชุมสมาชิกพรรคเสมอภาคตั้งสาขาพรรคเสมอภาคประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. โดยที่ประชุมลงมติเลือก ร.ต.ต.รับเสด็จ ยศติณเธียร เป็นหัวหน้าสาขาพรรคเสมอภาค ภาคอีสาน และเมื่อ 4 ธันวาคม ได้จัดประชุมตั้งสาขาพรรคภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ มี ดร.ศิริพร จินะนา สล่าปัน เป็นหัวหน้าสาขาพรรคเสมอภาค ภาคเหนือ
นางรฎาวัญ กล่าวว่า การเลือกจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่ตั้งของสาขาพรรคเสมอภาค เนื่องจากมีความคุ้นเคยกับกลุ่มชมรมเสียงสตรีจังหวัดขอนแก่นจำนวนกว่า 300,000คน รู้จักผูกพันกับชาวล้านนา ชาวไทยลื้อ กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆในเชียงใหม่มานานกว่า20ปี พบว่าชาวขอนแก่นและชาวเชียงใหม่ชื่นชอบพรรคเสมอภาค มาร่วมกันจัดตั้งพรรคของเราให้เข้มแข็งเพื่อเป็นสถาบันทางการเมืองที่ดี ประชาชนร่วมกันกำหนดนโยบายดีๆ เช่น นโยบายจัดตั้งกระทรวงการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่งเสริมการปลูก การแปรรูป การตลาด ตำรับยาแผนไทย ผลิตภัณท์สมุนไพรไทย ให้สมุนไพรไทยก้าวไกลสู่สากล ให้ประเทศไทยเป็น คลังยาสมุนไพรของโลก จะสร้างรายได้ให้เกษตรกร กลุ่มสตรี กลุ่มผู้สูงอายุ และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้รวดเร็วเป็นรูปธรรม
นางรฎาวัญ กล่าวว่า รวมทั้งนโยบายสร้างธนาคารน้ำใต้ดินทั่วประเทศ เก็บน้ำไว้ในฤดูฝน น้ำมาใช้ในฤดูแล้งจะสร้างความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการเกษตรได้เป็นอย่างดี นโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินพรรคเสมอภาคมีแนวทางช่วยเหลือไม่ให้ที่นา ที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย อาคารโรงงาน โรงแรม รีสอร์ต ถูกยึดโดยสถาบันการเงิน เราจะช่วยรักษาทรัพย์สินของเกษตรกรและของประชาชนทุกคนให้เป็นเครื่องมือทำมาหากินไปตลอดชีวิต ซึ่งพรรคเสมอภาคมีนโยบายปรับปรุงการกระจายอำนาจให้มีประสิทธิภาพ มีศักยภาพให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถทำหน้าที่แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนได้มากกว่าปัจจุบัน
เธอระบุด้วยว่า โดยเฉพาะกลุ่มสตรีจะต้องเพิ่มเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้ได้หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้สตรีไทยเก่งในการทำธุรกิจค้าขาย และยกระดับสตรีไทย เกษตรกรสตรีไทยขึ้นเป็นผู้ประกอบการสตรี ช่วยให้สตรีไทยมีอาชีพมีรายได้มั่นคง หลุดพ้นจากกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคม
“แม้กติกาการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นบัตรลงคะแนน 2ใบ ก็จะไม่สร้างความหวาดวิตก เรามั่นใจว่าประชาชนอยากมีส่วนร่วมทางการเมืองจริงๆคือทุกคนได้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ได้ร่วมคิดร่วมเสนอร่วมสนับสนุนนโยบายพรรค และคนของพรรคที่เป็นคนเก่งคนดีมีคุณธรรมจริยธรรมให้ไปเป็นผู้นำทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองด้วยความรู้ความสามารถและซื่อสัตย์สุจริต ประชาชนเข้าใจดีว่าคนเลือก ส.ส. เลือกรัฐบาลก็คือประชาชน พรรคเสมอภาคขอเชิญคนไทยทุกคนที่รักตัวเอง รักบ้านเมืองมาเปลี่ยนวัฒนธรรมการเมืองใหม่ที่เน้นใช้ความดี นำหน้าเงิน ในการเลือกตั้งทุกระดับ ก็จะสามารถแก้ไขธุรกิจการเมือง แก้ไขปัญหาความยากจน ได้แน่นอน” นางรฎาวัญ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอธีระวัฒน์' ย้ำกัญชาช่วยรักษาโรคทางสมอง ไทยสรรหาแต่โทษ รอให้ฝรั่งทำเป็นยามาขาย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง ที่ปรึกษาวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า
ข่าวดี! บอร์ด สปสช. เพิ่มงบแพทย์แผนไทย ช่วยผู้ป่วยบัตรทอง
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เห็นชอบวาระพิจารณา (ร่าง) หลักเกณฑ์
นายกฯปลื้มผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยคงอันดับ 1 ในอาเซียน
นายกฯดัน Medical and Wellness Hub ต่อเนื่อง ยินดีตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยคงอันดับ 1 ในอาเซียน เดินหน้าจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ เชื่อมั่นสร้างรายได้ 300 ล้าน
แพทยศาสตร์ ศิริราชจับมือเภสัชฯ จุฬาฯ ร่วมวิจัยสมุนไพรไทยแก้วิกฤตสุขภาพจากมลภาวะ & ฝุ่น PM2.5
ด้วยภาวะโลกร้อน ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก เกิดเป็นวิกฤตมลภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝุ่น PM2.5 ซึ่งแน่นอนว่า จะกลายเป็นวิกฤตสุขภาพตามมา
ฮือฮา! เปิดผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัสโควิด ดันซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก
สถาบันเวชศาสตร์สมุฏฐาน เปิดประชุมเชิงวิชาการ เรื่อง “การวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทย เพื่อก้าวสู่ระดับนานาชาติ” โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ภก. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ และทีมวิจัยได้นำเสนอผลงานการวิจัยที่สำคัญของตำรับยาสมุนไพร
กรมพัฒน์ฯพาสมุนไพรไทยบุกตลาดเอเชีย! หวังสร้าง Soft Power ใหม่ให้ไทย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดันสมุนไพรไทยหวังสร้าง Soft Power ให้เป็นที่นิยมไกลไปต่างประเทศ ปั้นผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร DBD SMART Local HERB จำนวน 42 ราย เริ่มต้นตั้งแต่ค้นหา บ่มเพาะ และพาออกสู่ตลาดงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 เพียง 5 วัน กวาดมูลค่าการค้ากว่า 200 ล้านบาท จากนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจต่างชาติ ได้แก่ จีน สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และอินเดีย ฮือฮาเจรจาธุรกิจปิดดีลได้ในงานกว่า 34 ล้านบาท และกระตุ้นมูลค่าการค้ายาวไปอีก 1 ปีข้างหน้าถึง 169 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายสร้างจุดขายให้สมุนไพรไทยโดดเด่น พร้อมประกาศศักยภาพสมุนไพรไทยต้องต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ให้ได้