'สาธิต' ระบุเตรียมตั้งกรรมการสอบ สส. ประชาธิปัตย์แหกมติหนุนเศรษฐา ฮึ่ม! โทษหนักถึงขั้นขับออก แต่ยังคุยกันได้
23 ส.ค.2566 - นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการโหวตของ สส.ประชาธิปัตย์ที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกันว่า ในส่วนของพรรคมีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ พรรค กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค และ สส. ซึ่งการดำเนินการที่ทำให้พรรคเสื่อมเสีย หรือไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณพรรค ก่อให้เกิดความแตกแยกก็เป็นสิทธิ์ของสมาชิก 20 คนที่จะเข้าชื่อตั้งกรรมการสอบสวนว่า สิ่งที่ทำนั้นทำให้เกิดความเสื่อมเสียกับพรรคหรือไม่อย่างไร ซึ่งมีสมาชิกหลายคนพูดขึ้นมาว่า ถ้าสมาชิกมีพฤติกรรมแบบนี้ก็คงต้องดำเนินการทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคให้ตั้งกรรมการกรรมการสอบสวน เพราะ ปชป.ไม่มีการตั้งกรรมการไปเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องทำหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการจากพรรคแกนนำรัฐบาล ดังนั้นจึงมีขั้นตอนอยู่แล้ว ฉะนั้นใครที่เป็น สส.หรือรักษาการตำแหน่งที่ไม่ใช่ตำแหน่งโดยตรง และไม่ได้รับมอบหมายจาก กก.บห.พรรค ถ้าไปปฏิบัติในสิ่งที่เกินอำนาจหน้าที่ หรือปฏิบัติแล้วทำให้พรรคมีความเสื่อมเสียเพราะขณะนี้โดยระบบแล้ว ต้องยอมรับว่าพรรค ปชป.เป็นฝ่ายค้านไปแล้ว และรัฐบาลก็จัดตั้งรัฐบาล 11 พรรคไปแล้วดังนั้นพรรคก็ต้องจัดการภายในของพรรค
เมื่อถามว่า ใครที่จะเป็นคนจัดการตรงนี้ นายสาธิตกล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่ระบุว่า ใครจะมีสิทธิ์ทำอะไรอย่างไร เช่นมีสมาชิกบางคนเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ตอนแรกบอกว่าไม่ได้ไป แต่ออกมายอมรับในรายการทีวีว่าไป ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับพรรค การกระทำแบบนี้เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมและสร้างผลกระทบทำให้พรรคเสียหาย
ถามต่อว่า แต่สมาชิกอ้างว่าการโหวตเป็นเอกสิทธิ์ นายสาธิต กล่าวว่า การโหวตเป็นเอกสิทธิ์ก็จริงแต่มติ สส.ในที่ประชุมก็มีความสำคัญ ซึ่งอาจไม่ผิดในแง่ผิดมติ สส. แต่น่าจะผิดในแง่ของการทำให้พรรคเสื่อมเสีย
เมื่อถามว่า ตัวนายสาธิตจะเป็นผู้ริเริ่มให้มีการตรวจสอบคนที่โหวตสวนพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า มีคนทำแล้ว และเกิน 20 คนที่เห็นว่า ความประพฤติแบบนี้และที่นำพา สส.ใหม่ที่ขาดประสบการณ์ไปร่วมด้วย ก็จะเป็นปัญหา เขาก็ดำเนินการแล้ว ซึ่งทั้งหมดมีข้อมูลอยู่แล้ว การทำให้เกิดความเสื่อมเสีย พูดจากลับไปกลับมาทำให้พรรคเสียหาย หรือไปปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับมอบหมาย
เมื่อถามว่า 16 เสียงที่โหวตให้พรรคเพื่อไทยจะสามารถอ้างชื่อว่ามาจากพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า 16 เสียงนี้ก็ต้องผ่านที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส. ก่อนที่จะร่วม ทุกอย่างมีขั้นตอน เราปฏิบัติมาหลายครั้งแล้ว และทุกคนก็เข้าใจข้อปฏิบัติดี
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า วันนั้นตกลงที่ประชุมพรรคกำหนดให้เป็นมติพรรคหรือเป็นเอกสิทธิ์ สส. นายสาธิต กล่าวว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเอกสิทธิ์ แต่ขั้นตอนของพรรคก็มีการดำเนินการ แม้เป็นเอกสิทธิ์ แต่ถ้าในพรรคไม่ได้มีการคุยก็คือไม่คุย แต่เมื่อพรรคคุยกันแล้ว และให้เป็นมติ สส.ก็ควรที่จะปฏิบัติตามมตินั้น ถ้าถามว่าผิดไหมก็มีรัฐธรรมนูญที่ใหญ่กว่าข้อบังคับพรรคคุ้มครองอยู่ แต่ในเมื่อมีการตกลงกันแล้วก็ถือว่าทำให้เกิดความแตกแยกและสร้างความเสียหายให้พรรค
ถามอีกว่า แบบนี้จะต้องขับออกจากพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า จะต้องเป็นไปตามหนักเบา แต่ความเห็นส่วนตัวของตนเองเห็นว่ากรณีนี้หนักมาก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ กก.บห.พรรค ขึ้นอยู่กับข้อบังคับพรรคว่าจะลงโทษอย่างไร และคิดว่า กก.บห.พรรคส่วนใหญ่จะเข้าใจความเสียหายที่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า โทษตรงนี้จะถึงขนาดต้องขับออกจากพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่ามีโทษขับออกจากพรรค แต่ว่าจะทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อบังคับพรรคที่ต้องดำเนินการ ส่วนที่มีสมาชิกอยากให้ขับออกจากพรรคก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ทุกเรื่องพูดคุยกันได้ อย่างไรก็ตามถ้ามีความเสียหายมากขนาดนี้ หัวหน้าพรรคต้องมีหนังสือและตั้งกรรมการสอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แก้วสรร' บอก 'ชาญ' ควรขอโทษประชาชนและลาออก!
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ เขียนบทความในรูปถาม-ตอบ
เทพไทถามหา 'จิตสำนึก' เพื่อไทยปมดัน 'ลุงชาญ' ชิง อบจ.ปทุมธานี
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา
'อนาคตไกล' ชี้ตัวแปรทำ 'ชาญ' ชนะเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี
“อนาคตไกล” ชี้ตัวแปร ทำให้ชาญ ชนะการเลือกตั้ง นายกอบจ.ปทุมธานี แม้ ปปช.ชี้มูลและศาลประทับรับฟ้อง ก็ไม่ขาดคุณสมบัติสมัครนายกอบจ.
เหนื่อยแน่! เพื่อไทย รับต้องปรับยุทธศาสตร์ หลังผลโพลตามหลังก้าวไกล
นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลนิด้าโพลเปิดผลโพลในไตรมาส 2 ที่ ปรากฏว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ พรรค
‘สรรเพชญ’ เบรก รบ.อย่าคิดขายชาติ ย้อน ‘พท.’ อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำอีก
นายกรัฐมนตรีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่
นายกฯ ลุยศรีสะเกษ ไหว้พระ ปลูกต้นไม้ ถ่ายรูปกับเด็กนักเรียน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังวิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ โดยมี นายอมรเทพ สมหมาย สส.ศรีสะเกษ เขต 5 พรรคเพื่อไทย และจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ