"เอกนัฏ" แจง รทสช.ร่วมรัฐบาล "เพื่อไทย" เพื่อร่วมกันป้องกันการแก้ไข ม.112 -ไม่แตะ รธน.หมวด 1 หมวด 2 ที่อาจนำพาไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต เผย แม้ลบอดีตไม่ได้แต่ขอเลือกเดินหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ ตามปณิธานของพรรค
19 ส.ค.2566 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ถึงสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติทุกท่านครับ ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกๆกำลังใจ ขอบคุณทุกๆความคิดเห็น ทุกเสียงสะท้อน ทั้งที่เข้าใจ คาใจ หรือกังวลใจ ผมขอน้อมรับฟัง ทุกคำติชม คำแนะนำ หรือแม้แต่การระบายออกจากใจของทุกท่านครับ
ยอมรับว่าการตัดสินใจที่จะร่วมทำงานเป็นรัฐบาล เป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายเลยครับ ด้วยผลเลือกตั้งที่ออกมา พรรคฯมีจำนวนส.ส.ในสภา 36 ที่นั่ง ต้องคิดไตรตรองช่างน้ำหนักผลลัพธ์ของทางเลือกต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุด “บนความเป็นไปได้”
วันนี้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ความพยายามที่จะเคลื่อนไหวแก้กฏหมายอาญามาตรา 112 ถึงขั้นนำมาบรรจุเป็นวาระสำคัญของพรรคการเมืองใหญ่ในสภา ถือเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในการเมืองไทย หากไม่ระงับยับยั้ง จะบานปลายเป็นชนวนไปสู้ความขัดแย้งระลอกใหม่ในสังคมไทย
การแก้ไขปัญหาของประชาชนนั้นรอไม่ได้ และการเดินหน้าทำงานร่วมกันเป็นรัฐบาล ก็มีเงื่อนไขอยู่บนหลักการที่พรรคฯยึดมั่น เป็นไปตามแนวทางที่เคยได้ประกาศไว้ จุดยืนเรื่อง ม.112 ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ และเมื่อพรรคเพื่อไทยได้ประกาศชัดว่าจะไม่แก้ ม.112 และจะไม่ร่วมกับพรรคที่ประกาศแก้ ม.112 เป็นอันขาด ก็ต้องนับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแนวร่วมสำคัญ ที่จะต้องรวมกันปักหลัก สู้กันต่อไปในเรื่องนี้
ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะต้องไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 ส่วนการแก้ไขในประเด็นอื่นๆนั้น ไม่ได้มีข้อตกลงที่ผูกมัดว่าเราจะต้องร่วมด้วย การแก้ไขรายมาตรายังเป็นเอกสิทธิของเรา ซึ่งจะร่วมมือแก้ก็เฉพาะส่วนที่ไม่สร้างปัญหาและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเท่านั้น และหากมีการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ยังไงก็หนีไม่พ้นการทำประชามติ ที่จะต้องถามความเห็นคนไทยทั้งประเทศ ไม่เกี่ยวกับการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล
ส่วนเรื่องตำแหน่งหรือโควต้ารัฐมนตรีนั้น ไม่มีความสำคัญเท่ากับหลักการที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ครับ โดยเฉพาะตัวผมเอง ที่ได้ประกาศชัดเจนไปแล้วว่า ติดคดี ซึ่งอาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ถึงแม้ไม่มีบรรทัดฐานในเรื่องนี้ แต่ก็ขอไม่รับตำแหน่งเพื่อให้ไม่ต้องมีปัญหาในการตีความ ให้รัฐบาลใหม่ได้เดินหน้าทันที
มองอีกมุม รทสช.จะเป็นหลักประกันให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างสุจริตโปร่งใส ไม่แก้กฏหมายอาญามาตรา 112 ไม่แก้รัฐธรรมนูญในหมวด 1 หมวด 2 และในส่วนที่ดีอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้.. คงหนีไม่พ้นประเด็นปัญหาระหว่างคนในพรรคเพื่อไทยและตัวผมเองในอดีต ซึ่งผมไม่สามารถไปลบอดีต หรือลืมประวัติศาสตร์ได้ แต่ก็มีสิทธิที่จะ “เลือก” ผมเลือกที่จะขอโอกาส เลือกที่จะถอยความรู้สึกขัดแย้งส่วนตัว เพื่อให้การรวมกันถือเป็นสัญญาณการยุติสงครามระหว่างสีเสื้อ เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ ตามปณิธานของพรรค รวมไทยสร้างชาติครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เอี่ยม’ ยัน ‘พท.-พรรคร่วมรัฐบาล’ ขัดแย้งกันในสภาฯเป็นเรื่องปกติ
"อนุสรณ์" มองความเห็นแย้ง "พท.-พรรคร่วมรัฐบาล" ในงานสภาฯ เป็นปกติ ปัดเป็นความขัดแย้งรุนแรง มั่นใจอยู่ครบเทอม4ปีแน่นอน
เพื่อไทยหมดสภาพ! ส่ง สส.ไร้เครดิตออกโรงแก้ต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ
ก่อแก้ว-สส.เพื่อไทย ที่เพิ่งเสียเครดิตจากกรณี 4 ลูกเรือประมงไทย โผล่ออกมากระดกลิ้นอ้าปากการันตีพรรค มีความจริงใจแก้รธน. อ้างอดีตเคยต่อต้านรธน.ฉบับปัจจุบันจนถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว พร้อมเบ่งกล้ามขู่ ‘ภูมิใจไทย’ ลั่นความอดทนของคนมีขีดจำกัด
อดีตสว.วันชัย ยกเหตุผล 6 ข้อ ยังไงก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้
อดีตสว.วันชัย ระบุสภาล่ม-แก้รธน.สะดุุด ไม่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลพังหรือต้องยุบสภา พร้อมยกเหตุผล 6 ข้อ ยังไงๆก็คงจะแก้รธน.ไม่ได้ คงสาละวันรำวงกันอย่างนี้ต่อไปจนหมดสมัยรัฐบาล ระหว่างนี้ก็ให้ สว.-ภูมิใจไทย แสดงละครไปก่อนก็แล้วกัน
'หมอวรงค์' ซัดตั้ง 'ส.ส.ร.' แค่ 'นอมินี' นักการเมือง!
หมอวรงค์-ประธานพรรคไทยภักดี ข้องใจ พรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชน ทำไมไม่แก้รัฐธรรมนูญเอง แต่กลับตั้ง ส.ส.ร. ใช้งบหมื่นล้าน แถมให้คนอายุ 18 ปีร่วมร่างรธน. ซัด ส.ส.ร. เป็นเพียง “นอมินี” นักการเมือง รับรองผลประโยชน์ให้พรรคและนายทุน
'เทพไท' หวด สส.-สว.สันหลังยาว จี้นายกฯ 'ยุบสภา' ตามข้อเสนอพรรคปชน.
'เทพไท' อดีต สส.นครศรีธรรมราช ประณาม สส.-สว. ขาดความรับผิดชอบจนทำให้สภาล่ม 2 วันติดต่อกัน เห็นตรงพรรคประชาชน เสนอนายกฯแพทองธาร 'ยุบสภา' หากไม่สามารถควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้
เปิด 4 ทางเลือก! ความเป็นไปได้ หลังสภาล่ม-ร่างแก้ไขรธน.จะเดินหน้าอย่างไร?
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมสองฉบับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา แต่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกิด “ล่ม” ขึ้นอีกครั้งเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ