'เรืองไกร' ร้อง กมธ. สว. สอบ 'เศรษฐา' ส่อขาดคุณสมบัตินายกฯ

‘เรืองไกร’ ยื่น กมธ.พัฒนาการเมือง วุฒิสภา สอบปม ‘เศรษฐา’ ส่อมีพฤติกรรมเข้าข่ายขาดคุณสมบัตินายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4)

7 ส.ค. 2566 – ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ. )การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา โดยนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ในฐานะรองประธาน กมธ. คนที่สาม, ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี สว. และเลขานุการ กมธ., นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. และ กมธ. ร่วมรับยื่นหนังสือจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อกล่าวอ้างที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเตรียมเสนอชื่อให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบให้เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 กรณีเมื่อปี 2562 บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่นายเศรษฐา ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดและกรรมการแสนสิริ ได้ซื้อที่ดินย่านถนนสารสิน โดยมีพฤติกรรมเข้าข่ายเลี่ยงการเสียภาษีหรือไม่ และเข้าข่ายมีพฤติกรรมส่อว่าเป็นบุคคลที่อาจขาดคุณสมบัตินายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ว่าด้วยมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ขอให้ กมธ. ตรวจสอบเรื่องที่ถูกอ้างถึงนายเศรษฐา ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อและโหวตให้เป็นนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้น 10 วันหลังจากนี้ โดยขอให้เรียกข้อมูลจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวการเมือง, บริษัทแสนสิริ ในส่วนของแคชเชียร์เช็ค ซื้อขายที่ดิน สัญญาซื้อขาย รวมถึงรายละเอียดของการชำระภาษี เพื่อพิสูจน์ว่าหนีภาษีหรือไม่ , กรมสรรพากร รวมถึงผู้ขายทุกรายมาให้ข้อมูล

ทั้งนี้จากการตรวจสอบของตนพบว่า ผู้ขายที่ดินทั้ง 12 รายนั้น ระบุว่าไม่ทราบเขตที่ดินที่ชัดเจน แม้ผู้ขาย 12 รายจะเสียภาษีตามใบเสร็จ แต่ไม่ใช่ภาษีอากร หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม และในเรื่องดังกล่าวมีกฎหมายว่าด้วยการเสียภาษีไว้เฉพาะ เพราะบุคคล 12 รายได้รับโอนที่ดินเมื่อปี 2561 ก่อนจะขายในปี 2562 ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ต้องเสียภาษีเฉพาะธุรกิจ ในกรณีที่ถือครองที่ดินไม่เกิน 5 ปีด้วย ขณะที่บริษัทแสนสิริ ถือว่าเป็นบริษัทเอกชนที่ร่วมลงนามในข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นพบว่าที่ดินที่บริษัทซื้อขายนั้นอยู่ระหว่างการพัฒนา มูลค่า 1,600 ล้านบาท แต่ในปี 2561 พบมูลค่าที่สูงถึง 1.3 หมื่นล้านบาทและปี 2562 พบว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในการซื้อขายที่ดินของบริษัทแสนสิริ ในปีดังกล่าวต้องตรวจสอบในส่วนของราคาที่ดิน และมีการเสียภาษีร่วมด้วยหรือไม่

“ผมเชื่อว่า กมธ. จะมีผู้ที่เชี่ยวชาญในการตรวจสอบเรื่องที่ถูกกล่าวอ้าง อย่างไรก็ดีผมไม่ขอชี้นำ สว. หรือบุคคลใดว่า ข้อกล่าวอ้างที่เกิดกับนายเศรษฐานั้นจะทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) หรือไม่ แต่หากนายเศรษฐา ได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ ผมมีหน้าที่ที่จะตรวจสอบในประเด็นคุณสมบัติตามรัฐธรรมมนูญมาตรา 160 (4) ต่อว่าเคยมีความซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่” นายเรืองไกร ระบุ

ด้านนายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า กมธ. มีอำนาจรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่มีหน้าที่เห็นชอบบุคคลที่เสนอให้เป็นนายกฯ ซึ่งบุคคลนั้นต้องถูกตรวจสอบในด้านของจริยธรรม พฤติกรรม การปฏิบัติ และคุณสมบัติตามรัฐธรรมนุญด้วย อย่างไรก็ดีการตรวจสอบของ สว.นั้นจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ที่เหลือเวลาก่อนจะโหวตนายกฯ อีก 10 วันนั้น เชื่อว่าเงื่อนเวลาดังกล่าวจะเร่งรัดให้ กมธ. พิจารณาศึกษา รวมถึงฟังผู้ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด ทั้งนี้ยอมรับว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของเอกชั้นนั้น ไม่มีกฎหมายใดบังคับให้มาชี้แจง แต่ต้องขอความร่วมมือเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทแสนสิริ เคยมีคำชี้แจงว่านายเศรษฐาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาและซื้อที่ดินนั้น ตนมองว่าเป็นประเด็นที่รับฟังได้ และนอกจากนั้นต้องรับฟังความรอบด้านให้ครบถ้วนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.การพัฒนาการเมือง ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. เป็นประธานกมธ. นัดประชุมวันที่ 8 ส.ค. เวลา 09.30 น. โดยมีวาระพิจารณาสำคัญ คือ เรื่องการได้มาซึ่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ โดยได้เชิญเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และนายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อํานวยการสํานักนวัตกรรม เพื่อประชาธิปไตยเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ต้องจับตาว่า กมธ. จะรับคำร้องของนายเรืองไกร เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในวันดังกล่าวหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร คนรุ่นใหม่เพียบ ดึงคนใกล้ชิดมดดำ เสริมทีมเลือกตั้ง

เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย คนรุ่นใหม่เพี๊ยบ น้องชาย-คนสนิท มดดำ / มดเล็ก-รวีภัทร์ อดีต สส.กอล์ฟ กาญจนบุรี จั๋ง พงศ์ศรัณย์ อดีตรองเลขาธิการนายกฯ

‘สุรเดช’ ทิ้ง พปชร. หลัง ‘บิ๊กป้อม’ วางมือ

“สุรเดช” ทิ้ง พปชร. หลัง “บิ๊กป้อม” วางมือ บอก ไม่ขอเป็นรองหัวหน้าพรรคให้คนอื่น ระบุ อนาคตยังไม่แน่นอน หากไม่มีพรรคอุดมการณ์ตรงกัน ขอเว้นวรรคไปก่อน

'อนุทิน' แจงเหตุไม่ร่วมดีเบต เป็นสไตล์ส่วนตัวไม่ชอบตอบโต้ ขอเอาเรื่องอธิปไตยให้จบก่อน

"อนุทิน" แจงเหตุไม่ร่วมดีเบต ภารกิจแน่น มองเรื่องความมั่นคงสำคัญกว่า เอาเรื่องอธิปไตยก่อน ยอมรับพูดไม่เก่ง ไม่ชอบตอบโต้ พยายามหลีกเลี่ยงทะเลาะกัน เผยจุดอ่อนให้พูด 3 ชั่วโมง ทำได้ แต่ให้พูด 2 นาที ทำไม่ได้

'ตรีนุช' ไม่ถอดใจ แม้ พปชร. เจอคลื่นพายุ ลั่นเป้าหมายอยากทำงานเพื่อประเทศชาติ

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่ายังทำงานยึดมั่นให้ประชาชนในนามพรรค พปชร.ต่อไป