'จตุพร' ชี้เปรี้ยง 'แม้ว' รีบกลับ เพื่อมาฉลองชัยวันตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว


27 ก.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "อยาก?" ระบุถึงความอยากเป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยที่สอดประสานกับความต้องการกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร จึงกำหนดแผนการโสมมให้วันกลับบ้านให้คาบเกี่ยวกับวันโหวตนายกฯ เพื่อลวงล่อเกณฑ์มวลชนมาต้อนรับที่สนามบินดอนเมือง แล้วยังกลบพลังประชาชนไม่พอใจและต่อต้านการตระบัดสัตย์บนถนนด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า อยู่ดีๆ พรรคเพื่อไทยแสดงพฤติกรรมเปิดประเด็นข้ามขั้ว ซึ่งประชาชนที่เลือกเพื่อไทยก็ตกใจการกระทำชนิดคาดไม่ถึง พร้อมกับจู่ๆ ปรากฎข่าวทักษิณ ชินวัตร จะกลับบ้านแพร่ลามไปทุกสื่อสาร แสดงถึงการสอดคล้องของแผนการที่ออกแบบเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หากวันใดเพื่อไทยย้ายขั้วตระบัดสัตย์จะได้เห็นว่า นรกมีอยู่จริง

นอกจากนี้ ระบุว่า ตลอด 17 ปีผ่านมา ทักษิณ ประกาศโกหกเรื่องการกลับบ้านได้ 100% โดยไม่เคยเกิดขึ้นาเป็นจริงเลยร่วม 20 ครั้งที่ได้ประกาศไว้ มาครั้งนี้อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวรีบแจ้งกำหนดวันทักษิณ จะกลับวันที่ 10 ส.ค. นี้ มาลงเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ดังนั้น จึงต้องฟังหูไว้หูก่อนจะเชื่อเป็นความจริง

"การตระบัดสัตย์และโกหกเรื่องการกลับบ้านที่ไม่เคยเป็นจริงนั้น คนไม่รู้สึกเดือดร้อนด้วยเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่การตระบัดสัตย์ข้ามขั้วเพื่อเป็นนายกฯ จะเกิดความเสียหายกับประเทศชาติ เนื่องจากไม่มีเกียรติ ไม่รักษาคำพูด จึงไม่มีความสง่างาม"

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ต้องยึดมั่นทำตามคำประกาศ แต่ถ้ากลับใจไปจับมือกัน จึงเป็นการใช้วิธีลวงล่อให้ได้คะแนนเสียงก็ต้องรู้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน อีกอย่างการประกาศกลับบ้านของทักษิณ จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องตระบัดสัตย์คงไม่ได้เลย

"จากนี้ไปจนถึงวันที่ 10 ส.ค. (วันที่ทักษิณ ประกาศกลับบ้าน) ถ้ามีการข้ามขั้วเกิดขึ้นในแบบใดก็ตาม แม้อาจเป็นแบบให้อีกพรรคเป็นผู้จัดการรัฐบาล แล้วชวนเพื่อไทยข้ามขั้วมาเป็นนายกฯ มันช่างคิดกันง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะคิดมุมไหน มันก็คือการตระบัดสัตย์ทั้งสิ้น ซึ่งไม่แตกต่างจากการเสียสัตย์เพื่อชาติจนเกิดพฤษภาทมิฬปี 2535"

นายจตุพร กล่าวว่า ที่สำคัญคือประเทศกำลังจะได้นายกฯ ที่หนีคำพิพากษาของศาลมายาวนานจนคดีไม่มีอายุความ กำลังเดินทางกลับมาประเทศไทย ดุจเดียวกับจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ ช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หนีไปประเทศสิงคโปร์ แล้วอาศัยบวชเณรห่มเหลืองกลับไทย

อีกทั้งกล่าวว่า เมื่อทักษิณ กลับมา แม้ไม่ได้บวชเณรก็ตาม แต่อารมณ์ประชาชนจะคุกรุ่นไม่พอใจกับการตระบัตสัตย์ย่อมทนไม่ได้และจะออกมาเต็มถนน หากเกิดการเผชิญหน้ากับฝ่ายไม่เอาแก้ไข ม.112 ถึงขั้นปะทะกันขึ้น ดังนั้น สภาพเช่นนี้ย่อมไม่แตกต่างเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนเกิดการฆ่ากันโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ เคยบอกต้องการกลับบ้านอย่างเท่ๆ แต่วันนี้ประกาศกลับบ้านในสภาพพรรคจะตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ดังนั้น ประชาชนที่บูชาทักษิณ ดุจเป็นเทพเจ้านั้น มาในวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป ความรักที่เคยให้จึงถูกหารไปเป็นด้อมส้มบางส่วน แต่ความชังจากฝ่ายตรงข้ามยังคงมีอยู่ตามเดิม

"การกลับมา พร้อมกับประโคมให้คนไปรับที่สนามดอนเมือง ประชาชนที่ชิงชังการข้ามขั้ว ไม่พอใจการตระบัดสัตย์ก็จะออกมาเต็มถนนเช่นกัน อาจส่งผลลัพธ์ให้ฝ่ายเชียร์กับซีกมารอรับเดือดระอุถึงกับพวกใจร้อนยกกำลังเข้าห้ำหั่นกันได้"

อีกทั้ง มั่นใจว่า เพื่อไทยต้องมีการจัดคนมารอต้อนรับแน่นอน เพราะต้องการใช้กำลังมวลชนมาแบ่งเฉลี่ยกลบข่าวและแรงต่อต้านการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ซึ่งเป็นกลยุทธการตลาดการเมืองตื้นๆ แต่อาจสังเวยด้วยชีวิตประชาชน โดยการประกาศกลับบ้านในห้วงเวลานี้แสดงถึงเจตนาการออกแบบแผนการให้เกี่ยวข้องกับการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งอาจจะคาบเกี่ยวและมีขึ้นในวันที่ 10 ส.ค.ก็ได้เช่นกัน เพราะทุกอย่างลงล็อกในห้วงเวลาเดียวกันพอดี

นายจตุพร ประเมินว่า ในวันที่ทักษิณ กลับบ้านและมีคนมาต้อนรับที่สนามบินดอนเมือง ขณะที่รัฐสภากำลังโหวตนายกฯ ข้ามขั้วกัน สิ่งที่น่ากังวลคือ ใครจะควบคุมการต่อต้านที่อยู่บนถนนกันไหว ซึ่งน่ากลัวเหตุรุนแรงจะปะทะขึ้นถึงขั้นเลือดตกยางออก อย่างไรก็ตาม คนไม่ได้กลัวว่า ทักษิณ กลับมาแล้วต้องติดคุก แต่ไม่พอใจการหลอกลวง ลืมสัจจะวาจาที่เคยประกาศไว้ ดังนั้น ประเทศควรเลิกและจบเรื่องทักษิณ กลับบ้านได้กันสักที

"ครั้งนี้ประกาศจะกลับมา ถ้าไม่กลับก็ไม่ใช่คนแล้ว อีกทั้งจะคิดวางแผนอย่างไรก็ตาม แม้บ้านเมืองจะฉิบหายก็ให้เป็นไป แต่ถ้าประกาศแล้วไม่กลับ ผมจะเรียกร้องให้ไปหาจิตแพทย์กันแล้ว เป็นอะไรมากหรือเปล่า"

พร้อมทั้งย้ำว่า ในเชิงตัวเลขการโหวตนายกฯ ข้ามขั้วต้องผ่านที่ 376 เสียง ซึ่งเพื่อไทยและทักษิณมั่นใจจะได้รับ แต่ในการคิดแบบคนหลงความฉลาดของตัวเองที่กำหนดแผนการไว้ อาจขาดความชอบธรรมไปจนทำให้อยู่ไม่ได้ โดยบทเรียนทักษิณ เคยได้รับเสียงสนับสนุนถึง 377 เสียงมาแล้วในยุดพรรคไทยรักไทยก็ยังอยู่ไม่ได้ และแพ้มาตลอด รวมทั้งพาประเทศและประชานไปแพ้ทุกครั้งตลอดมา

"เมื่อถือว่าคิดดีกันแล้ว ก็ควรตัดสินใจให้เด็ดขาดให้มากันตามเวลา รัฐสภาจะโหวตนายกฯวันที่ 10 ส.ค.ก็เอา ให้เป็นวันข้ามขั้วแห่งชาติในวันเดียวกัน เป็นวันตระบัดสัตย์แห่งชาติ สนามบินดอนเมืองก็รอรับคนมาแสดงเจตนารมย์กันในวันนั้น"

นายจตุพร กล่าวว่า ตนพยายามจะบอกว่า การคิดว่าฉลาดเหนือคนอื่น ด้วยการวางแผนโหวตข้ามขั้วในวันที่ 10 ส.ค.ตรงกับการประกาศกลับบ้าน เป็นสูตรที่อำมหิต โหดเหี้ยมกับประชาชนและประเทศสูงมาก ดังนั้น ประชาชนจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะประเทศชาติเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องบุคคลที่มีมาแล้วก็จากไป

รวมทั้งย้ำว่า ระยะเวลาใน 2 สัปดาห์นี้เป็นห้วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นและมีผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ตาม แต่ใครกระทำการใดให้เกิดขึ้น ต้องรับผิดชอบไปชั่วกัปชั่วกัลป์ อีกทั้งต้องการผลได้เท่าไรก็ต้องยอมรับผลเสียที่มันจะตามมาจากการคิดออกแบบแผนที่โหดร้ายเช่นนี้

"ขอประชาชนมีสติในสถานการณ์ที่เขาคิดวางแผนกันในห้วงเวลาการเผชิญหน้าในวันตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว เมื่อมาถึงขั้นนี้ พวกเขาแบ่งรัฐมนตรีกันเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ระหว่างแค่คิดวิธีการจะเลี่ยงสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างไร จึงกลายเป็นวันประกาศกลับบ้านมาลงล็อก 10 ส.ค. ซึ่งเป็นโหวตนายกฯ และเป็นแผนที่โสมมที่สุด"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 นายกฯ 'อิ๊งค์-ทักษิณ-เศรษฐา' ร่วมเปิดงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยจัดสัมนาภายใต้โครงการ เสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ รวมถึงแกนนำ

'ประเสริฐ' รับเพื่อไทยยังไม่มีผู้สมัครนายก อบจ.โคราช หลัง 'ยลดา' เมียกำนันป้อ ประกาศลงอิสระ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมาที่ลาออกไป

'ทักษิณ' สื่อสารถึง 'สนธิ' : 'การทำอย่างเดิม ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิม'

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย