'ก้าวไกล' ขอขยายเวลาแจงศาลปมมาตรา 112!

'ก้าวไกล' ยื่นศาลรัฐธรรมนูญขอขยายเวลาแจงปมแก้ไข มาตรา 112 หาเสียง ยอมรับมีการวางแผนรองรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว

26 ก.ค.2566 - นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญในนโยบายแก้ มาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง ที่ต้องมีการชี้แจงภายใน 15 วันซึ่งครบในวันนี้มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ว่าฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ และได้ยื่นขอขยายเวลาในการชี้แจงไปแล้ว ซึ่งคงต้องรอว่าศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปอีกกี่วัน

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าในกรณีดังกล่าวจะนำไปสู่การยุบพรรค นายชัยธวัชกล่าวว่า คำร้องร้องให้ยุติการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นการล้มล้างการปกครอง ยังไม่ไปไกลถึงเรื่องนั้น แต่อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล​ จะต้องไม่ประมาท ซึ่งคงต้องประเมินถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดและป้องกันไว้ทุกทาง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อึ้ง!ปดิพัทธ์บอกยุบ 'ก้าวไกล' แสดงว่าไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยส่งผลสภานานาชาติ

'ปดิพัทธ์' ยอมรับมีชื่อเป็น กก.บห.ก้าวไกล เสี่ยงพ้น สส. หากพรรคถูกยุบจริง แต่เชื่อมั่นว่าการสู้คดีมีน้ำหนัก ไม่เสียดายตำแหน่งรองประธานสภา ชี้งานที่หาเสียงไว้ทำได้หมดแล้ว

เลขาฯกกต. โต้ก้าวไกล ปมยื่นยุบพรรค

นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต และนายทะเบียนพรรคการเมือง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงอำนาจ และการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. เลขาฯกกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อกรณีการยื่นยุบพรรคการเมือง

'ชัยธวัช' ลั่นทุกคนในพรรคนิ่ง ถ้ายุบจริงเราตกผลึกหมดแล้ว ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยไม่มีการไต่สวน

'รังสิมันต์' รับสภาพคงสู้คดียุบพรรคยากขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญขีดเส้นตาย

'โรม' รับคงสู้คดียากขึ้น หลังศาล รธน.นัดชี้ขาดยุบก้าวไกล 7 ส.ค.นี้ ย้ำความสำคัญอยู่ที่กระบวนการ ยกพยานปากสำคัญควรได้ขึ้นไต่สวน ยันพรรคไม่ได้ล้มล้างการปกครอง

อดีตผู้สมัครสว.ชงอสส.ยื่นศาลฯฟันกกต.ล้มล้างการปกครอง เหตุจะทำให้เกิดวิกฤตร้ายแรง

นายพลภาขุน เศรษฐญาบดี ตัวแทนผู้ประสานงาน คณะราษฎรไทยแห่งชาติ (ครช.) และอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่ม 17 จ.นครปฐม เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องขอให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กรณี บุคคล 8 คน