23 ก.ค. 2566 – นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำพรรคเพื่อไทยและหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ”อิสรภาพแห่งความคิด-ไทยโพสต์” ถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ว่า อยู่ในช่วงทางสามแพร่ง หากเราคิดที่จะกอดคอกันแปดพรรคการเมืองตามเอ็มโอยูแล้วเราก็ต้องยอมเป็นฝ่ายค้าน เพราะมันมีเงื่อนไขเยอะ เนื่องจากหลายพรรคการเมืองตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่มีพรรคก้าวไกล ส่วนสมาชิกวุฒิสภา ก็บอกว่าหากเป็นเพื่อไทย เขาก็พร้อมจะเลือก แต่หากมีก้าวไกลด้วยเขาจะไม่เลือก อันนี้คือเงื่อนไขที่เราต้องเลือก
นายสุทินกล่าวว่า สำหรับทางสามแพร่ง ก็คือ ทางแรกก็คือยอมเป็นฝ่ายค้าน แปดพรรคตั้งรัฐบาลกอดคอกันเลย ถ้าเราไม่ทิ้งกัน เราก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องยอมรับว่าก็ไปทุบความหวังประชาชน เพราะถ้ามองจากการเลือกตั้ง คือเขาอยากให้เราเป็นรัฐบาล และอยากให้สกัดกั้นฝ่ายนั้นอย่าให้เข้ามาเป็นอีก การไปยอมเป็นฝ่ายค้าน ก็คือการไปดับความฝันประชาชน
แพร่งที่สอง ก็คือ แปดพรรคตั้งรัฐบาลยังกอดกันเหมือนเดิม ยังเอาพรรคก้าวไกลไปด้วย เอ็มโอยูยังเหมือนเดิม แต่ขอลดเงื่อนเข เจรจาลดเงื่อนไขทั้งสองฝ่าย เช่นที่สว.บอกว่า ไม่เอาก้าวไกล ก็ต้องไปขอสว.ว่า เอาก้าวไกลมาด้วย แต่รังเกียจตรงไหน จะไปคุยกับก้าวไกลให้ เราก็คงต้องคุยว่า แนวทางนี้คือเราขอเอาก้าวไกลมาด้วย แต่อยากให้ปรับตรงไหน จะคุยกับก้าวไกลให้ เราพอรู้ เพราะที่คุยกันมาตลอดก็คือเรื่อง”มาตรา 112″ อย่างที่บอก หากมี 112 จะไม่โหวต ถ้าเขาบอกมาว่าเป็นเรื่องนี้ ผมก็จะไปคุยกับก้าวไกล ถ้าก้าวไกลลด แล้วทางนั้นเขารับ ก็โอเค แนวทางที่สอง ก็เกิด ก็จะเป็นรัฐบาลเพื่อไทย และก้าวไกล และอีกหกพรรคการเมืองเดิม ก็เป็นแปดพรรค แต่หากทางนี้ไม่ลด แล้วทางโน้นก็ไม่รับ แพร่งที่สอง ก็จบ
นายสุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับแพร่งที่สาม ก็คือ หากเราคิดว่าจะตั้งรัฐบาล เพราะคำนึงถึงประชาชน คำนึงถึงผลการเลือกตั้ง ธำรงไว้ซึ่งคุณค่าการเลือกตั้ง เมื่อหนึ่งไม่ได้ สองขอเป็น ก็จำเป็นต้องเดินหน้าเป็นรัฐบาลโดยเพื่อไทยเป็นแกนนำ แต่ก็ต้องตัดก้าวไกล จำเป็นต้องสละน้อง เพราะว่าน้องก็ไม่ลด เงื่อนไขก็ไม่ลด จำเป็นต้องสละ ถ้าไม่สละ ก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วให้อีกฝั่งเป็นรัฐบาล เอาไหม เราก็เชื่อว่าประชาชนที่สนับสนุนเรา และลงคะแนนมา ก็จะผิดหวัง
“เพราะฉะนั้นทางที่สาม ก็คือ เพื่อไทย เป็นรัฐบาล แต่ไม่มีก้าวไกล แต่ทางนี้ ก็ต้องบอกว่าเราต้องเป็นแกนนำ ไม่ใช่ว่าเราข้ามขั้ว แต่ว่าทางนั้นข้ามขั้วมาหาเรา เราต้องให้ทางนั้นข้ามมา โดยที่ชัดเจนคือฝ่ายเราต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนที่คนมักถามกัน ว่าถ้าแบบนี้ จะต้องเอาทางโน้นมาร่วมด้วยใช่ไหม มันก็จำเป็น เพราะถ้าไม่มีก้าวไกล ก็หายไป 151 เสียง พรรคการเมืองรัฐบาลตอนนี้ก็ต้องมา แต่จะมีเงื่อนไขหรือไม่ ลุงที่ว่า เราก็ไม่เอาลุง เอาลูกลุง ลุงไม่อยู่แล้ว อันนี้คือแพร่งที่สาม”นายสุทินกล่าว
นายสุทินย้ำว่า ระหว่างนี้ยังยืนอยู่ในสามแพร่ง อยู่ในระหว่างการตัดสินใจอยู่ ยังไม่เลือกแพร่งใดแพร่งหนึ่ง ก็ฟังประชาชน ฟังสังคมอยู่ ซึ่งวันนี้ยังไม่ง่าย อย่างการที่เราจะเลือกแพร่งที่สาม คือต้องดูว่าจะตัดใคร แล้วเอาใครเข้ามา ต้องอธิบายกับสังคมเยอะ
ถามถึงว่าหากไม่มีก้าวไกล ก็ต้องไปดึงพรรคการเมืองที่มีเสียงพอสมควร เช่น ภูมิใจไทย 71 เสียง พลังประชารัฐ ที่มี 40 เสียง ที่มีลุงป้อมอยู่ หัวหน้าพรรค หรือจะดึงรวมไทยสร้างชาติ ที่ตอนนี้ไม่มีลุงตู่แล้ว จะเอามาหรือไม่ นายสุทินกล่าวตอบว่า ก็อาจจะเอานะ เพราะดูแล้วว่ามันไม่พอ นี้คือความยากที่บอกว่า แพร่งที่สาม ก็ไม่ง่าย ส่วนพลังประชารัฐ ก็ฟังว่า ลุงก็อาจไม่เอา ไม่รับตำแหน่งอะไรแล้ว หมายถึงลุงป้อม ฟังมาว่าอย่างนั้น
เราหนักใจที่สุดวันนี้ก็คือ การจะอธิบายให้สังคม เมื่อเช้าก่อนมาให้สัมภาษณ์มีชาวบ้านโทรมาให้ข้อคิดกับผม เขาบอกว่า เล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง โดยเล่าว่า มีครอบครัวหนึ่ง มีลูกหกคน ผัวเมียรักกันดี ไปเที่ยวน้ำตก เมียพลัดตกลงน้ำ จมน้ำ แล้วเกาะกิ่งไม้อยู่ อาจจะตามรอมร่อ สามีต้องตัดสินใจ ที่จะต้องกระโดดลงไปช่วยภรรยา ที่ก็สุ่มเสี่ยงอาจจะจมน้ำไปด้วยกันได้ กับสอง ไม่ลงไปช่วยเพราะห่วงลูกหกคน หากตายทั้งคู่ แล้วใครจะเลี้ยงลูก เพราะฉะนั้น วันนี้สามีต้องตัดสินใจ จะลงไปช่วยภรรยาสุ่มเสี่ยงนะ ลูกหกคนใครจะเลี้ยงดู แต่ถ้าจะห่วงลูกหกคน ภรรยาก็ต้องเสียชีวิต วันนี้ เพื่อไทย ผมว่าเป็นสามี ชาวบ้านโทรมาเล่าให้ผมฟัง ตั้งใจจะให้ผมคิด เขาตั้งใจจะให้ผมคิดว่า วันนี้คุณกำลังยุ่งยาก แต่ผมก็ไม่ได้ตอบไป แต่บอกว่า ก็น่าคิด ขอเอาไปคิดหน่อย แล้วจะเล่าให้พรรคพวกฟัง ซึ่งผมก็ยังคิดไม่ตก ก็ยังห่วงเมีย ห่วงลูกอยู่ แต่สุดท้าย ผมว่า ลูกมีหลายชีวิต เขายังต้องเดินทางไกลอยู่ ก็ประชาชน 65 ล้านคน หรืออย่างน้อยก็คนที่เลือกเรา 14 ล้าน บวก 11 ล้านเสียง กับอีก 6 ล้านคน (คะแนนเสียงที่เลือกแปดพรรคการเมืองตั้งรัฐบาล) การเมืองวันนี้มันถูกกำหนด กดดันให้มีข้อจำกัด แบบนี้แล้ว อยู่ที่เราจะเลือกทางออกทางไหน
ถามถึงมีการวิเคราะห์กันไปว่า การโหวตนายกฯวันที่ 27 ก.ค. ซึ่งมติที่ประชุมรัฐสภาบอกว่าเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯซ้ำไม่ได้ อาจทำให้เพื่อไทย ใช้วิธีเสนอชื่อคนอื่นไปก่อนเช่นคุณชัยเกษม นิติศิริ เพื่อทดสอบ เพื่อแสดงให้เห็นว่าจริงใจกับก้าวไกล แต่สุดท้าย เสียงโหวตเห็นชอบไม่เกินกึ่งหนึ่ง เพราะยังมีก้าวไกล ร่วมตั้งรัฐบาลอยู่เพื่อไทยจะมาแบบนี้หรือว่าจะเสนอชื่อตัวจริงเลย นายสุทิน ยืนยันว่า เท่าที่คุยกัน ไม่มีของปลอม ไม่มีตัวหลอก เราหมายมั่นว่า 27 ก.ค. รอบเดียว และคนเดียว จบที่รอบแรก และคนแรก เราจะทำงานเต็มที่ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ก็พูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย และพูดต่อสาธารณชนมาตลอดว่าสนับสนุนคุณเศรษฐา ทวีสิน เพราะฉะนั้น เราไปทำอย่างนั้นไม่ได้ ที่จะมีตัวหลอก แล้วมีตัวจริง เว้นแต่ว่า จากวันนี้ไปจนถึงวันโหวต มันประสานงานไม่ได้ ไม่ชัวร์ ไม่ชัด ก็อาจต้องขอเลื่อน ก็ว่าไป ก็เสนอในที่ประชุมเสนอให้เลื่อนการพิจารณา แต่ผมว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น ผมว่า วันที่ 27 ก.ค. คงจบ
ถามย้ำว่า หากพรรคก้าวไกลไม่ยอม เขาจะไปกับเพื่อไทยให้ได้ จะทำยังไง นายสุทินระบุว่า อันนี้ก็คือความยาก ถึงมีทางสามแพร่ง ถ้าแบบนั้นก็ต้องเลือกแล้ว อาจจะเป็นแพร่งที่หนึ่งคือยอมเป็นพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน แต่ประชาชนจะยอมไหม เพราะไปด้วยกันยังไง ทางนั้นเขาก็ไม่เลือก สว.ก็ไม่ยกมือให้ ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่เราก็จะไปถามก้าวไกล คนเดียวไม่ได้ หากไปถึงจุดนั้น คนที่จะกำหนดเราก็คือประชาชนเหมือนกัน หากประชาชนบอกว่าไม่ได้ จะไปยอมให้ฝ่ายนั้นเขากลับมาเป็นรัฐบาลอีกไม่ได้ เลือกตั้งมาแทบเป็นแทบตาย เพื่อไทยต้องเป็น ถ้าแบบนั้น หากฟังสังคมชัดเจนแล้ว มันก็ต้องตัดสินใจแล้วผมว่า แต่ต้องบอกก่อนว่า จะเป็นแพร่งไหนที่จะเลือก ยังไม่ได้ตัดสินใจ
“ต้องบอกว่าการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ยากกว่าทุกครั้ง ที่ยากเพราะตัวรัฐธรรมนูญ เพราะหากเป็นสมัยก่อน หากผลการเลือกตั้งจบออกมาแบบนี้ สมัยก่อน สองทุ่มคืนวันเลือกตั้ง ก็รู้ตัวนายกฯแล้ว เพราะถ้ามีแต่ส.ส.ที่โหวตนายกฯได้ ส.ส.เขายกให้กันเลย อย่างการเลือกตั้งในอดีต คุณชวน หลีกภัย ตอนนั้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส.ส.น้อยกว่า พรรคความหวังใหม่ ที่มีพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรคแค่สองที่นั่ง ก็ประกาศยกให้ แต่พอให้สว.มาร่วมโหวตนายกฯกับส.ส.ได้ มันก็เลยยุ่ง อย่างวันนี้ ก้าวไกลที่ได้ที่หนึ่งยกให้เพื่อไทยที่ได้ที่สอง แต่ยกให้แล้ว ก็ยังไม่ได้ เพราะมีสว.
อย่างไรก็ตาม จากข้อจำกัดดังกล่าว อีกไม่นาน ก็คงจบแล้ว ตอนนี้ภาระอยู่ที่เพื่อไทย เมื่อเพื่อไทยตัดสินใจให้จบ มันก็จบ ส่วนจะตัดสินใจอย่างไร ถ้ามันต้องยอมเจ็บปวด เพื่อบ้านเมืองเดินได้ ก็อาจเป็นทางหนึ่ง แต่อีกทางหนึ่งหากกลัวความเจ็บปวด ก็อาจรักษาบรรยากาศ ไปอีกแบบหนึ่ง แต่ขอให้เชื่อมั่น เราจะทำให้จบเร็วที่สุด เจ็บแต่จบ หากกลัวเจ็บ แล้วไม่จบ ก็ไม่มีประโยชน์” นายสุทินระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทักษิณ' การันตีไม่มีรัฐประหารแล้ว เบ่งใส่ภูมิใจไทยหล่อช้าๆ ไม่ต้องรีบจะดีกว่านี้
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ว่า พรรคเพื่อไทยจะคุยกันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.)
'ทักษิณ' ขึ้นปราศรัย ช่วยหาเสียงนายก อบจ.อุบลฯ คุยลั่นชนะแน่
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้ นายกานต์ กัลป์ตินันท์ ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี ตามคำเชิญของ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีตรมช.มหาดไทย
ครม. แจกเค้กลูกหลานนักการเมืองเพื่อไทยล็อตใหญ่ นั่งข้าราชการการเมือง
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยแต่งตั้งนายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
นายกฯอิ๊งค์ ยืนยันจุดยืนรัฐบาล ไม่มีเจตนาแทรกแซงกองทัพ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ว่า เรื่องนี้มีความคิดเห็นต่างกันอยู่แล้วก็ต้องรับฟังทุก
'วราวุธ' บอกการเสนอกฎหมายควรพูดคุยกันก่อนไม่งั้นทุกคนตกใจ!
'วราวุธ' เห็นต่าง 'พท.' จ่อถอน 'ร่างกฎหมายสกัดปฏิวัติ' มอง ควรมีการพูดคุยกันก่อนเสนอ
อย่าวางใจ 'หัวเขียง-เพื่อไทย' ถอนร่างกฎหมายยึดอำนาจกองทัพ
แม้ดูแนวโน้มแล้ว นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ จากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสที่จะถอนร่าง กฏหมายยึดอำนาจกองทั