'แรมโบ้' ตบเกรียนแม้ว อิจฉาตาร้อนหนัก แขวะลุงตู่ทุกดอก รัฐบาลพัฒนาทางด่วนก็เอาไปบิดเบือน ตอกหน้าแค้นที่ถูกถอดยศ ถึงขนาดจับแพะชนแกะเอาเรื่องเตรียมทหารแยกสัญญาบัตรกับประทวนมาผสมโรงโจมตี ออกอาการแห้งตายต่างแดน
8 ธ.ค.2564 - นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลบหนีโทษจำคุกคดีทุจริต โจมตีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ามีความคิดแบ่งแยกชนชั้น เอาวัฒนธรรมเตรียมทหารที่แยกประตูสัญญาบัตรกับประทวนมาใช้ โดยบอกให้คนมีตังค์ใช้ทางด่วน ไม่มีตังค์ใช้ทางข้างล่าง โดยไม่แก้ปัญหาการจราจร
นายเสกสกล กล่าวว่าการบิดเบือนโจมตีแบบสาดโคลนเช่นนี้ เป็นการเมืองน้ำเน่าที่โสโครก และได้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่า ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลปัจจุบันได้เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมขนส่ง ปรากฏผลงานเป็นรูปธรรมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั้งระบบรางและระบบถนนหนทาง มีการตัดถนนใหม่ ขยายถนน ปรับปรุงความปลอดภัย ทำทางลัด ทางลอด อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนมากมาย ได้ใช้ฟรีกันเกือบทั้งนั้น เว้นแต่ทางด่วนที่เป็นการลงทุนร่วมระหว่างรัฐและเอกชน ก็ต้องมีการเก็บค่าผ่านทางตามเงื่อนไขสัญญา
“ลองดูสิครับ ปัจจุบันมีถนนตัดใหม่กี่สาย ทางลัดตัดตรงก็มี บริการฟรี สะดวกขึ้นเยอะ รองรับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ซึ่งเพิ่มยังไงก็ไม่ทันปริมาณรถ รัฐบาลจึงลงทุนระบบขนส่งมวลชน ระบบรถไฟฟ้าจะทยอยเปิดเพิ่มเติมทุกปีหลังจากนี้ สายสีเขียวต่อขยาย สายสีแดง สายสีเหลือง สีชมพู เพื่อแบ่งเบาลดความแออัด ส่วนการใช้ทางด่วนก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางเป็นเรื่องปกติ ทุกประเทศก็มีบริการแบบนี้ แต่วันนี้ นายทักษิณ อดีตนายกฯ ที่เคยสัญญาว่าจะแก้ปัญหาจราจร กทม.ใน 6 เดือน แล้วเป็นแค่คำโม้ปากเปล่า ทำคนกรุงเหม็นน้ำลาย ก็ใช้วิธีบิดเบือนแบบกากๆ น่าสังเวช” นายเสกสกลกล่าว
นายเสกสกล ยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ไม่เคยแบ่งแยกชนชั้นประชาชน การดำเนินโครงการทุกโครงการย่อมมีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันไปเป็นเรื่องปกติ มีแต่เจตนาจะช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยให้มากที่สุดตามทรัพยากรที่มีจำกัด จึงได้มีโครงการที่มุ่งช่วยเหลือคนรายได้น้อยเป็นการเฉพาะ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จ่ายเงินช่วยเหลือคนรายได้น้อยโดยตรงเกือบ 14 ล้านคนอย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 2.4 แสนล้านบาทไปแล้ว ซึ่งสมัยนายทักษิณเคยเอาเรื่องลงทะเบียนคนจนมาหาเสียง หลอกเอาคะแนนจากคนจน โดยไม่ได้ทำอะไร เหมือนที่นายเสนาะ เทียนทอง เคยแฉไว้ จำได้หรือไม่ หรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค รัฐบาลปัจจุบันก็พัฒนาเป็นประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มสิทธิประโยชน์มากมายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
“ส่วนที่จับแพะชนแกะ มั่วโยงไปถึงการแบ่งแยกสัญญาบัตร-ประทวนในเตรียมทหาร เข้าใจว่านายทักษิณคงเจ็บแค้นใจที่ถูกถอดยศพันตำรวจโท สืบเนื่องจากพฤติกรรมทุจริตของตนเอง ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ก็เลยแว้งกัดระบบโรงเรียนเตรียมทหาร ทั้งๆ ที่ ไม่ได้เกี่ยวกับการบริหารของพลเอกประยุทธ์ในปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย” นายเสกสกลกล่าว
นายเสกสกล ยังบอกด้วยว่า นายทักษิณไม่ต้องทำเป็นร้องอุทาน oh my god หรอก เพราะสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้น มนุษย์ที่มีความละลายต่อความชั่ว เกรงกลัวต่อบาป เขาจะไม่ทำกัน หน้าไหว้หลังหลอกต่อสถาบันสำคัญ หักหลังมิตรและบริวารที่เคยช่วยเหลือเพื่อเอาตัวรอดยามคับขัน ทุจริตแล้วหนีคดีลอยหน้าลอยตาไม่ละอาย อาการดิ้นหนักตอนนี้คงเพราะกลัวว่าจะต้องแห้งตายอยู่ต่างแดน หนีคดีโกง หนีโทษจำคุกรวมกว่า 10 ปี และยังมีคดีโกงอื่นๆ รออยู่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ณัฏฐ์ มองการเมืองไทยปี 68 'รัฐบาลอิ๊งค์' มีเสถียรภาพ อยู่ยาวถึงปี 70
“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชี้การเมืองไทยปี 2568 “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” กุมเสียงข้างมาก รัฐบาลมีเสถียรภาพ แม้เจอโรครุมเร้า นักร้องเรียนรายวัน ยังไม่มีตัวแปรใดล้มรัฐบาล ฟันธง รัฐบาลอยู่ยาวถึงปี 2570
อดีตรองหัวหน้าเพื่อไทย แนะวิธีติดเบรกคนหลงตัวเอง-ลุแก่อำนาจ
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า "คน
'ภูมิธรรม' การันตีไม่มีปัญหาพรรคร่วมเห็นต่าง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานกานณ์ทางการเมือง ที่หลายคนถามรัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ ว่า หากดูจา
'ภูมิธรรม' เซ็ง 'เอ็มโอยู44' ถูกปลุกปั่นจนออกนอกอวกาศ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเอ็มโอยู 44 ว่า ตนยังยึดหลักเดิม เพราะควรใช้ความอดทนอดกลั้นและความเข้าใจ เพราะเอ็มโอยู 44 ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร
'อนุทิน' โวรัฐบาลชุดนี้ มีเสถียรภาพมากสุด เชื่ออยู่ครบเทอม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณี
'จตุพร' มองการเมือง 2568 สัมพันธ์อำนาจระแวงบีบกด ฉุดบ้านเมืองเข้ามุมอับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ส่งท้ายปี 2567 ว่า ในปี 2568 บ้านเมือง