ธนกร วอน 'พิธา-ก้าวไกล' เคลียร์ด้อมส้ม ไม่เอาทัวร์ลงถล่มแบนธุรกิจส.ว.

“ธนกร” วอน “พิธา-ก้าวไกล” ทำความเข้าใจด้อมส้ม ไม่เอาทัวร์ลงถล่มแบนธุรกิจส.ว. แนะ ควรคุยขอคะแนน แทนการปิดสวิซต์ ชี้ ประเทศ ไม่ใช่ สมรภูมิรบอย่าปลุกม็อบลงถนน

16 ก.ค. 2566 – นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติให้สัมภาษณ์ ว่า จากกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงในรัฐสภาไม่ผ่านการโหวตให้เป็นนายกฯ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนออกมาใช้สื่อโซเชียลบูลลี่ ด่าทอรวมไปถึงการแบนธุรกิจส.ว.เข้าข่ายคุกคามครอบครัวของวุฒิสมาชิกหลายคน ซึ่งได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวมองว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกล ควรจะสื่อสารทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้สนับสนุนให้มากกว่านี้ ไม่ควรใช้วิธีในลักษณะข่มขู่คุกคาม เพราะเป็นการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สร้างความแตกแยกระหว่างประชาชน และเป็นการเพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งในบ้านเมืองมากขึ้นไปอีก ซึ่งควรที่จะเคารพการตัดสินใจและประชาธิปไตยเสียงข้างมากในรัฐสภา ตามที่พรรคก้าวไกลมีเจตนารมย์มาโดยตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่นายพิธาได้ออกแถลงการณ์เปิด 2 สมรภูมิเพื่อต่อสู้ให้ไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล ควบคู่ไปกับการเคลื่อนมวลชนออกมาชุมนุม นายธนกร ระบุว่า เวลานี้นายพิธาและพรรคก้าวไกล สมควรอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าพูดคุยขอการสนับสนุนจากวุฒิสภา ไม่ใช่ยื่นแก้ไขมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ส.ว. แบบนี้เพราะจะยิ่งจะทำให้ยากขึ้นไปอีก จะไปเอาเสียงมาจากไหนถึง 84 สว. ขนาด 60 สว.ยังหาไม่ได้เลย อีกทั้งยังปลุกให้มวลชนไปกดดัน บูลลี่ ข่มขู่ คุกคาม ครอบครัวส.ว.ซึ่งมองว่าจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย และทราบมาว่าทางส.ว.ก็ได้มีการให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมดำเนินคดีกับผู้คุกคามทุกรายแล้ว ท้ายที่สุด หากนายพิธา และพรรคก้าวไกล ยังยึดถือแนวทางการเมืองลักษณะนี้ ประเทศและประชาชนจะมีแต่ความแตกแยก เสียหาย

“ขอฝากไปถึงนายพิธา รวมถึงแกนนำของพรรคก้าวไกล ช่วยสร้างความเข้าใจแก่แฟนคลับผู้สนับสนุน ให้เคารพสิทธิของผู้อื่น เคารพกฎหมายด้วย ขอให้นึกถึงประเทศชาติบ้านเมือง นึกถึงความสงบสุข ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เวลานี้ควรมุ่งหาเสียงสนับสนุนจากส.ว.

ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความจริงใจ เพื่อผ่านความเห็นชอบ ก้าวขึ้นสู่การเป็นนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อเข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ไม่ใช่การปิดสวิตซ์ส.ว. แต่ถ้ายังคงใช้วาทะกรรม ปลุกระดมมวลชนสร้างความขัดแย้งแบบนี้ สุดท้ายประเทศชาติ อาจกลายเป็นสมรภูมิรบอย่างที่นายพิธาแถลงก็เป็นได้ แต่ประเทศของเรา ไม่ใช่ สมรภูมิรบ จึงอยากให้นายพิธาและพรรคก้าวไกลได้ทบทวนในเรื่องนี้ นอกจากนั้นผมพูดมาตลอดถ้าพรรคอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ควรให้อันดับสองและสามเป็นคนจัดตั้งไม่ควรเสียเวลาเพราะคนทั้งประเทศรอรัฐบาลใหม่อยู่ไม่ใช่พอตั้งไม่ได้แล้วไปปลุกม็อบลงถนน”นายธนกร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธนกร' จี้กวาดล้างแก๊งลวงผู้สูงวัย-ปชช. หลอกกดลิงก์รับเงินหมื่น หลังรัฐเตรียมแจกเฟส 2

'ธนกร' เรียกร้อง รัฐบาล-ตร. เร่งกวาดล้างปราบแก๊งลวงผู้สูงวัย-ปชช. ระบาดหนัก หลอกกดลิงก์รับเงินหมื่น หลัง รัฐเตรียมแจกเฟส 2 ฝาก ดีอีล้อมคอก เตือนภัยให้คนรู้เท่าทัน หยุดกระบวนการไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพอีก

'ธนกร' หนุนรัฐบาลเร่งปราบนอมินี ธุรกิจอำพรางคนต่างด้าว แนะตั้ง KPI ประกบเห็นผลชัดใน 3 เดือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากมีคนต่างชาติลักลอบเข้ามา ประกอบธุรกิจต่างๆทั้งการขายสินค้าโรงงาน ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ หลายย่านในกรุงเทพฯ

'ธนกร' จี้ กกต. คุมเข้มเลือกตั้งนายก อบจ. ปูด 'เมืองคอน' เริ่มซื้อเสียง

'ธนกร' จี้ กกต. คุมเข้มหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. หลายจังหวัด แนะทำงานเชิงรุก จับตา 'เมืองคอน' สู้ดุเดือด ชาวบ้านแจ้งเรียกเก็บบัตรประชาชนหลายพื้นที่ ขอตรวจสอบเข้มโปร่งใส

'ธนกร' หนุนถอยคนละก้าว ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากชั้นครึ่ง สส.-สว.ถกร่างประชามติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังการประชุมทั้งกมธ. สส.และสว. ที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเรื่องสว.ยืนกรานทำประชามติ 2 ชั้น แต่สส.เห็นควรปรับให้กึ่งกลางเหลือแค่ชั้นครึ่ง

'ธนกร' ปลื้มเรตติ้ง 'พีระพันธุ์' พุ่งต่อเนื่อง

'ธนกร' ปลื้ม โพลเผยเรตติ้ง “พีระพันธุ์” พุ่งต่อเนื่อง หลังทุ่มเททำงานจ่อออกกม.ปฏิรูปรื้อลดปลดสร้างด้านพลังงานทั้งระบบ  ชี้ เหตุผลงานรัฐบาลโดดเด่น แก้ปัญหารวดเร็ว ขณะฝ่ายค้านคะแนนลด ต้องปรับปรุง

'ธนกร' ฟาด 'พิธา' หยุดโยงมั่ว ซัดพรรคการเมืองจะอยู่หรือตายเพราะทำตัวเอง

'ธนกร' ฟาด 'พิธา' ตรรกวิบัติ ชี้ พรรคการเมืองไม่ได้ตายด้วยองค์กรอิสระ แต่ตายเพราะทำตัวเอง ชี้ กกต.-ศาลวินิจฉัย ยึดตามข้อกฎหมาย เชื่อ ถ้าไม่ทำผิดก็ไร้โทษ จี้ หยุดพ่นหลักการพิษ โยงไกลถึงรัฐประหาร ทำปชช.สับสน ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศได้