“ทิพานัน” ชวนปชช.-ผู้ประกอบการที่เสียหายจากคอมเม้นท์ “ดำเนินคดี” เรียกร้องทั้งแพ่งและอาญา เก็บหลักฐาน-ฟ้องสะดวกกว่าในอดีต ชี้คลิป “พิธา” เข้าข่ายยุงยงด้อมส้มไปสื่อสาร ส.ว. สร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์ หากมีลักษณะละเมิดสิทธิ บังคับข่มขู่ กดดัน เข้าข่ายฝ่าฝืนรธน. และกฎหมายอาญาด้วย ชี้จะเป็นผู้นำประชาธิปไตยต้องเคารพกฎหมายและสิทธิของผู้อื่นก่อน
16 ก.ค. 2566 – น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวทางสื่อโซเชียลที่กำลังบูลลี่ ข่มขู่ ทำร้าย ให้ร้ายและคุกคาม ประชาชนและธุรกิจของผู้ที่ไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกล รวมถึงสมาชิกรัฐสภาที่ไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามระบอบครรลองประชาธิปไตย ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ผู้ถูกกระทำสามารถใช้สิทธิโดยสุจริตในการปกป้องและป้องกันความเสียหายจากการละเมิดกฎหมายดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็นความผิดทางอาญาโดยการรวบรวมพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และใช้สิทธิเรียกร้องทางแพ่งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจและความเป็นส่วนตัวได้
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญได้รองรับสิทธิของประชาชนไว้หลายมาตรา เช่น มาตรา 32 “บุคคลย่อมมีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว เกียรติยศ ชื่อเสียง และครอบครัว การกระทำอันเป็นการละเมิดหรือกระทบต่อสิทธิของบุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าในทางใด ๆ จะกระทำมิได้ฯ” และมาตรา 40 “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ฯ”
ดังนั้นกระบวนการเคลื่อนไหวทางสื่อโซเชียลในขณะนี้จึงละเมิดสิทธิดังกล่าว และรัฐธรรมนูญ 2560 ยังได้รับรองสิทธิของบุคคลและผู้ประกอบการธุรกิจในมาตรา 25 ดังนี้ คือ “บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลได้ และบุคคลซึ่งได้รับความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพหรือจากการกระทำความผิดอาญาของบุคคลอื่น ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการเยียวยาหรือช่วยเหลือจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ” ด้วย
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ประชาชนผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำความผิด โดยสามารถแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทั่วประเทศหรือจะดำเนินการฟ้องคดีเองก็ได้โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84, 85, 86 ในฐานะ ตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนในการโพสต์ข้อความ ให้ข้อมูลเพื่อให้ไปกระทำความผิด กรณีมีผู้ที่โพสต์แจ้งให้ข้อมูลส่วนตัว ประจาน แจ้งพิกัดข้อมูลส่วนตัวโดยประการยุยง หรือให้เข้าใจผิด และความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 326, 328 กรณีบุคคลทั่วไปที่แสดงความคิดเห็นในเพจอื่นๆ และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ดังนี้
ป.อาญา มาตรา 84 “ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการ…ยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ผู้ใช้ต้องระวางโทษหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น และถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ และถ้าผู้ถูกใช้เป็นบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี ผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ ลูกจ้างหรือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ใช้ ผู้ที่มีฐานะยากจน หรือผู้ต้องพึ่งพาผู้ใช้เพราะเหตุป่วยเจ็บหรือไม่ว่าทางใด ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้ใช้กึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับผู้นั้น”
ป.อาญา มาตรา 85 “ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น และถ้าได้มีการกระทำความผิดเพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณาหรือประกาศ ผู้โฆษณาหรือประกาศต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ”
ป.อาญา มาตรา 86 “ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น”
ป.อาญา มาตรา 326 “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน หมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ป.อาญา มาตรา 328 “ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท”
พรบ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 สำหรับบัญชีบุคคลทั่วไป และมาตรา 15 สำหรับผู้ให้บริการ เช่น เพจข่าว เพจข้อมูล เว็บไซต์ Line@ หรือในทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดให้ความร่วมมือ ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทําความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทําความผิดตามมาตรา 14
ความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 420 “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
น.ส.ทิพานัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการดำเนินคดีและรวบรวมหลักฐานในเชิงเทคนิคเทคโนโลยีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีนวัตกรรมที่ดีสามารถสืบสวน สอบสวนอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิม มีความร่วมมือค้นหาผู้ต้องสงสัยร่วมกันกับผู้ให้บริการโซเชียลต่างๆ มากขึ้น สามารถค้นหาอวตารและผู้ใช้ VPN ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการเชื่อมั่นในกระบวนยุติธรรมที่จะดำเนินการฟ้องบุคคลต่างๆ ที่ได้แสดงความคิดเห็นตามโซเชียลอันกระทบต่อสิทธิตามข้อกฎหมายข้างต้นและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งได้รวดเร็วขึ้น
“ส่วนกรณีที่นายพิธา เผยแพร่คลิปและข้อความเรื่องประกาศครั้งสำคัญ 15 ก.ค.2566 โดยมีใจความว่า “ผมจึงขอให้ประชาชนทุกคน ร่วมทำภารกิจกับผมในสองสมรภูมินี้ โดยการส่งสารถึง ส.ว. ในทุกวิถีทาง ทุกวิธีการที่ท่านนึกออก ย้ำ ขอเป็นวิธีการสร้างสรรค์ ช่วยกันเชิญชวนให้ ส.ว. โหวตนายกตามมติประชาชน หรือ โหวตยกเลิกมาตรา 272 เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน” แล้วหากผู้เชียร์นายพิธามีการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดต่อสิทธิ เสรีภาพ ทรัพย์สิน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องของ ส.ว.ท่านใดเกิดขึ้นก็ตาม นายพิธาก็อาจเข้าข่ายต้องร่วมรับผิดในการกระทำดังกล่าวในฐานะผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ตามป.อาญามาตรา 84, 85 และ 87 เพราะเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดโดยการโฆษณา และยังอาจเข่าข่ายความผิดตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 45 ที่บัญญัติห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการหรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งอาจมีโทษถึงยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามมาตรา 92(3)” ด้วย น.ส.ทิพานัน กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดิเรกฤทธิ์' พ้อ! ไร้องค์กรตรวจสอบ กกต. ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ 'เลือก สว.'
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ประชาธิปไตยต้องไม่มีอำนาจใดไม่ถูกตรวจสอบ"
เลขาฯกกต. โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดความในใจ หลังผ่านพ้นเลือก สว.
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า อิทธิพลสื่อ... จริตคน... ขอบคุณสื่อ... ยิ้มได้ยัง... โลกนี้คือละคร... ในแต่วันข่าวการเมืองเยอะมาก บางข่าว
จับแล้ว! ปู่หื่นล่วงละเมิดหลานสาว 7 ขวบ ซ่อนตัวในคราบผ้าเหลือง
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบ TOP G จับกุม นายหนูกุน หรือจ่อย อายุ 57 ปี
'ธนกร' ยินดี สว.ใหม่ หวังทำหน้าที่ยึดประโยชน์ประเทศ เชื่อมีอิสระไร้การเมืองเบื้องหลัง
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่แล้วว่า ต้องขอขอบคุณสว.ชุดเก่า 250 ค
ราชกิจจาฯ ประกาศผลการเลือก สว. 200 คน ใน 20 กลุ่มอาชีพ อย่างเป็นทางการ
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กําหนดให้วันที่ 9 มิ.ย. พ.ศ. 2567 เป็นวันเลือกระดับอําเภอ วันที่ 16 มิ.ย. พ.ศ. 2567 เป็นวันเลือกระดับจังหวัด
เปิดชื่อ กกต. '2 เสียงข้างน้อย' เห็นต่างประเด็นข้อกฎหมาย ยังไม่ควรรับรอง สว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ให้มีการประกาศรับรองสว. และบัญชีสำรองสว. ในวันนี้ เป็นมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 โดย 2 เสียงข้างน้อยคือนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ