'จตุพร' จับไต๋เพื่อไทยถีบทิ้งเพื่อน แนะวิธี 'ก้าวไกล' แก้เผ็ด!

15 ก.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ควันหลงการเมืองไทย" โดยเสนอให้พรรคก้าวไกลเปิดทางหนุนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เป็นนายกฯ เพื่อกอดคอกันแน่นไม่ทิ้งกันและที่สำคัญสามารถยุติการชุมนุมนองเลือดบนถนน

นายจตุพร กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเสนอแก้ รธน. 2560 ในบทเฉพาะกาล ม.272 นั้น ต้องเจอสองด่านใหญ่ คือ ได้เสียง 20 % จากพรรคที่ไม่ได้เป็น ครม. ประธานสภา และรองประธานสภา พ่วงกับเสียง ส.ว.อีก 84 เสียงให้ความเห็นชอบด้วยจึงจะสำเร็จ

ส่วนการนัดโหวตนายกฯ รอบสองในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันพุธที่ ศาล รธน.ต้องประชุมกันปกติ และในวันนี้อาจจะพิจารณาคำร้องคุณสมบัติสมัคร ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หากศาลรับคำร้องและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แล้วถูกเชิญออกจากห้องประชุมสภา จึงไม่เป็นคุณกับนายพิธาเลย

“การโหวตนายกฯ ในวันที่ 19 ก.ค.จะเป็นทุกขลาภ และ ส.ว. 13 เสียงที่เคยโหวตให้นายพิธา จะอยู่ครบหรือไม่ หากหวังว่าจะมี ส.ว.มาเพิ่มเติม ยิ่งเป็นการคิดผิดที่สุด ดังนั้น การแก้ รธน. ม.272 จึงเป็นปฏิบัติการที่เป็นไปไม่ได้ และผลลัพธ์ย่อมออกมาโดย ส.ว.ไม่ยอมให้ผ่านอยู่ดี เหมือนที่เคยยื่นมาแล้ว 6 ครั้ง” นายจตุพร กล่าว พร้อมย้ำว่า การแก้ ม.272 จึงเป็นหนทางตามที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ให้ความเห็นไว้ คือเป็นประตูให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านนั่นเอง

นายจตุพร กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้เริ่มออกลายมากขึ้น โดยนายอดิศร เพียงเกษ ให้ความเห็นการโหวตนายกฯ หลายรอบว่า สภาไม่ใช่โรงละคร ต้องใช้โหวตกันซ้ำๆ แต่ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่า มีเสียงสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย บอกเสียงน้อยไปนิด ซึ่งความเห็นเชิ่นนี้แสดงถึงนัยยะไม่อยากอยู่ร่วมกับพรรคร่วม 312 เสียง

อย่างไรก็ตาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า หากพรรคเพื่อไทยแยกออกไป แล้วจะมีสิทธิไปคบกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชชร.) หรือไม่ เพราะเคยประกาศมาตลอดไม่จับมือกับ พปชร. นอกจากนี้ ปัญหามีว่าจะไปจับมือกับใครได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เปิดยุทธการไล่หนูตีงูเห่า ไม่เอานโยบายกัญชา เท่ากับปัดการจับมือกับพรรคภูมิใจไทย

“การอธิบายของเรา (คณะหลอมรวมฯ) ที่ผ่านมานั้น ต้องการให้ 8 พรรค 312 เสียงเป็นคนจริง ยืนอยู่ร่วมกัน ไม่ทิ้งกัน ยิ่งเพื่อไทยกับก้าวไกลต้องเหนียวแน่นต่อกัน ประกอบกับ ส.ว.ก็ไม่โหวต อีกทั้ง 188 เสียงก็ตั้งรัฐบาลข้างน้อยไม่ได้ บ้านเมืองจึงเข้าสู่ทางตัน ตั้งต้นนับหนึ่งไม่ได้ และประชาชนเป็นใหญ่ไม่ได้”

นายจตุพร เสนอว่า ก้าวไกลต้องเฝ้าเพื่อไทยไว้ทุกฝีก้าว และอย่าถอนตัวเป็นฝ่ายค้าน เมื่อนายพิธา เป็นนายกฯ ไม่ได้แล้ว ดังนั้น เพื่อไม่ให้เพื่อไทยหาทางทิ้งอีก จึงจำเป็นต้องล็อก 312 ให้อยู่กันเหนียวแน่น โดยนายพิธา ควรเสนอนายเศรษฐา เป็นนายกฯ เสียเลย ซึ่งเป้นวิธีการผูกมัดกันได้ง่ายที่สุด

อีกทั้ง กล่าวถึง การเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. เป็นนายกฯ ว่า อยู่ที่เพื่อไทยเลี้ยวออกไปอยู่ฝ่าย 188 เสียงหรือไม่ เพราะถ้า พปชร.ไม่มีเพื่อไทยก็จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งคงไม่กล้า ดังนั้น หากเพื่อไทยกับก้าวไกลไม่ทิ้งกันแล้ว จึงไม่มีวันที่ พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกฯ เด็ดขาด

“ถ้านายพิธา เสนอให้นายเศรษฐา เป็นนายก ก็จะได้ใจเพื่อไทย และยังป้องกันเพื่อไทยย้ายขั้วสลับข้าง สิ่งสำคัญยังสามารถสกัดกั้นไม่เกิดม็อบรุนแรงออกมาถนนด้วย อีกอย่างถ้าก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไทยจะไปจับมือ พปชร.ได้ไง เพื่อไทยต้องเป็นฝ่ายค้านด้วย สิ่งสำคัญเพื่อไทยไปไหนไม่ได้ด้วย เนื่องจากประกาศไม่จับมือ พปชร. ไม่เอากัญชา ไม่คบ ปชป.”

นายจตุพร เชื่อว่า ความจริงแล้ว เพื่อไทยต้องการย้ายสลับขั้วไปจับมือกับ พปชร.อยู่แล้ว เพียงรอให้ก้าวไกลประกาศเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น ก้าวไกลต้องเสนอให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ ไปเลย เท่ากับผูกมัดให้เพื่อไทยเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และ ไม่ทิ้งคำประกาศที่เคยบอกไม่ไปจับมือกับ พปชร.

“สิ่งที่สำคัญ หากเพื่อไทยสลับขั้ว และก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน จะเกิดการชุมนุมนองเลือด ดังนั้น ข้อเสนอให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ เท่ากับเป็นการยุติการนองเลือด แลัวยุติสงครามทั้งปวง และบ้านเมืองก็ไม่ถึงทางตัน อีกอย่างเมื่อ 312 เสียงแยกจากกันไม่ได้ ฝ่าย 188 เสียงก็ไม่กล้าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย”

นายจตุพร ย้ำข้อเสนอว่า เมื่อเพื่อไทยมัดแน่นกับก้าวไกล จะเกิดการเรียกร้องของประชาชนให้ตั้งรัฐบาลของประชาชนขึ้นมา เพื่อฝ่าทางตันของบ้านเมือง ซึ่งมีเพียงแนวทางนี้เท่านั้นจึงจะนับหนึ่งประเทศได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 20)

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

'วิโรจน์' บอก 7 ส.ค. ผลออกมา ต้องมีคำอธิบายที่ปชช.เข้าใจได้

'วิโรจน์' บอกตามตรง 7 ส.ค. ก็แค่วันปกติ ยัน ไม่ตื่นตระหนก แต่ไม่ประมาท 'คดียุบก้าวไกล' หากผลเป็นลบ ก็ต้องตอบสังคมให้ได้ภายใต้กรอบนิติรัฐ-นิติธรรม