'พิธา' งานงอกอีก! สันธนะให้ถ้อยคำ กกต.ปมปล่อย 'ชูวิทย์' ทำร้ายและไฟเขียวช่วยหาเสียงทั้งที่ไม่ใช่สมาชิก

'สันธนะ' แค้น 'พิธา - ก้าวไกล' ไม่เอาผิด 'ชูวิทย์' ทำร้ายตัวเองกลางพรรค ซ้ำหนีบหาเสียงโจมตีพรรคอื่น ให้ถ้อยคำ กกต.เอาผิดทำเลือกตั้งไม่สุจริต มั่นใจหมดสิทธิเป็นนายกฯ เหตุสะดุดยอดหญ้าล้มเอง

28 มิ.ย.2566 - ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ สมาชิกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เข้าให้ถ้อยคำต่อกกต.ตามหนังสือเชิญจากกรณีเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ได้ยื่นร้องให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่ปล่อยให้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค หรือผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเข้ามาทำร้ายร่างกายตนเองซึ่งเป็นสมาชิกพรรค และให้นายชูวิทย์ ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงโจมตีพรรคการเมืองอื่น ซึ่งอาจเป็นเหตุทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมและขัดมาตรา 22 พระราชบัญญิตประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

นายสันธนะ กล่าวว่า ตนเองกับนายชูวิทย์ มีปัญหาส่วนตัวกันอย่างที่สังคมรับทราบ เมื่อจะมีการเลือกตั้งคนอยากเห็นบ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลง จึงมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล แต่ตนเองกับนายชูวิทย์ก็มีปัญหากันอย่างที่สังคมรับรู้ โดยก่อนการเลือกตั้งนายชูวิทย์ ได้มีการเข้าไปที่พรรคก้าวไกลพูดคุยกับนายพิธา และ กก.บห.หลายครั้ง ซึ่งเมื่อพบเจอก็จะเปิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน โดยนายชูวิทย์พยายามที่จะเข้าทำร้ายมีการขว้างถ้วยใส่ ซึ่งก็ได้ทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ เพื่อให้มีการดำเนินการเอาผิดกับนายชูวิทย์ และ กก.บห.พรรคบางคนที่รู้เห็นนัดแนะกับนายชูวิทย์ ก่อนที่จะเดินทางมา แต่ปรากฏว่าทางพรรคไม่ได้ดำเนินการใดๆ ขณะเดียวกันก็ยังพบว่าก่อนการเลือกตั้งนายชูวิทย์ มีการนัดพบกับนายพิธา เพื่อช่วยหาเสียงในหลายสถานที่ โดยนายชูวิทย์ได้อาศัยกระแสของพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยโจมตีพรรคการเมืองอื่นในเรื่องของการร่วมรัฐบาล ซึ่งได้มีหนังสือสอบถามมายัง กกต. และได้รับการยืนยันว่านายชูวิทย์ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล หรือได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล จึงเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง

“เชื่อว่านายพิธาทราบดีว่านายชูวิทย์เป็นบุคคลภายนอก ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค แต่กลับปล่อยปละละเลย หรือสมยอมให้นายชูวิทย์มาใช้พื้นที่ มาใช้ของชื่อพรรคก้าวไกลไปปราศรัยโจมตีทำให้พรรคการเมืองอื่นเสียหาย จึงเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ยุ่งยากเป็นความปรากฏต่อสังคมและสื่อ ไม่ต้องไปตรวจสอบหรือรอหลักฐานอื่นๆ เหมือนกรณีนายพิธา ถือหุ้นไอทีวี หรือค้ำประกันให้บริษัทครอบครัวกว่า 400 ล้านบาท ขายที่ดินมรดก 6.5 ล้านบาท ที่ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงจนกว่าความจริงจะปรากฎ”นายสันธนะกล่าว

นายสันธนะ ยังกล่าวอีกว่า ตอนที่เกิดเรื่องแรกๆ และพรรคไม่ได้ดำเนินการให้ตามที่ยื่นหนังสือก็รู้สึกน้อยใจ แต่ก็จะไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และเมื่อพรรคทราบว่า กกต.เรียกเข้าให้ถ้อยคำในเรื่องนี้ มีผู้แจ้งเรื่องนี้ว่าในช่วงบ่ายนี้พรรคก็จะมีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งไม่เชื่อว่าพรรคจะมีมติดำเนินการกับนายชูวิทย์ แต่จะเป็นการไล่ตนเองออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

“ถ้าพรรคก้าวไกลมองเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน และก่อนหน้านี้มีการดำเนินการตามที่ผมได้ยื่นหนังสือ ก็คงไม่มีวันนี้ที่ผมมาให้ถ้อยคำกับ กกต. ผมเคยบอกคุณแล้วว่าอย่าเดินสะดุดยอดหญ้าหกล้มเอง คุณอาจมองเรื่องนี้เป็นเรื่องรูเข็ม แต่หลังจากวันนี้จะเป็นหลุมอุกกาบาต คุณจะแก้ไขอย่างไร นี่เป็นอีกบทเรียนหนึ่งของคนที่จะก้าวเป็นนายกฯ ของประเทศ ไม่ใช่หัวหน้าพรรคก้าวไกล คุณจะพลาดไม่ได้สักประเด็น และถ้าเรื่องนี้มีผลให้คุณไม่ได้เป็นนายกฯ ก็ขอแสดงความเสียใจกับกองเชียร์ของพรรคด้วย" นายสันธนะกล่าวและว่า พรรคก้าวไกลประกาศว่าเป็นพรรคของประชาชน หากได้เป็นรัฐบาลก็จะปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ถามว่าตนเองเป็นสมาชิกพรรคเหตุเกิดในพื้นที่ของพรรคแต่พรรคกลับปกป้องไม่ได้

นายสันธนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า การร้องเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการสร้างราคาให้กับตัวเอง หลังเกิดเรื่องไปที่พรรคขีดเส้นตัวเองว่าจบกันแล้วกับพรรค เมื่อก่อนเลือกตั้งคุยอะไรกับตนเอง แต่หลังเลือกตั้งพอคิดว่าตัวเองกำอะไรไว้ในมือเหมือนอย่างทุกวันนี้ คุณคิดว่าคุณถือไพ่ดี คนอื่นเขาก็มีของดีไม่แพ้พวกคุณเดี๋ยวก็เห็นเองว่าเป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงบอกว่าคุณพิธาคุณไม่ได้เป็นนายกฯ แน่นอน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดิเรกฤทธิ์' พ้อ! ไร้องค์กรตรวจสอบ กกต. ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ 'เลือก สว.'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ประชาธิปไตยต้องไม่มีอำนาจใดไม่ถูกตรวจสอบ"

สะดุ้ง! อดีตสว.โพสต์หนังสือ คดีประวัติศาสตร์ ๙๙ วันอันตราย ทำไมกกต.ติดคุก

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)โพสต์เฟซบุ๊กภาพปกหนังสือ คดีประวัติศาสตร์ ๙๙ วันอันตราย ทำไมกกต.ติดคุก เขียนโดย นายถาวร เสนเนียม พร้อมระบุว่า

'บิ๊กเกรียง' แอ่นอกรับ 'สีน้ำเงินเข้ม' หนักใจมีชื่อชิง 'ปธ.สภาสูง'

'พล.อ.เกรียงไกร' รับหนักใจถูกเสนอชื่อชิงเก้าอี้ประธานสภาสูง ออกตัวหวังทำงาน กมธ.ทหารและความมั่นคง ชี้ 'ปธ.วุฒิสภา” ต้องรู้กฎหมายมีวุฒิภาวะเป็นที่ยอมรับ

งัด 'มาตรา 5 - แบบ สว.2' บี้ กกต. เปิดข้อมูล 200 สว. 99 สำรอง

'ชาญชัย' งัดมาตรา 5 - แบบ สว.2 ผู้สมัครยินยอมเผยแพร่ จี้ กกต. เร่งเปิดข้อมูลผ่านเว็บไซต์ตามกฎหมายกำหนด ชี้ช่องประชาชนร่วมตรวจสอบสภาสูงชุดใหม่