อดีตผู้พิพากษาฯ ชี้ชัดปมหุ้นสื่อ ‘พิธา’ แนะกกต.เร่งยื่นคำร้อง ศาลรธน.วินิจฉัย

แฟ้มภาพ:พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

19 มิ.ย.2566-นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า …..กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังนี้

…..1.บริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) จดทะเบียนวัตถุประสงค์ของบริษัทไว้ว่า  ประกอบกิจการสื่อมวลชน ปัจจุบันไม่ได้ออกอากาศ เพราะมีคดีพิพาทกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด แต่บริษัทยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกบริษัท

…..2.ตามหลักฐานแบบ บมจ.006 ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทมหาชนจำกัด บริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) ระบุว่า นายพิธาถือหุ้น 42,000 หุ้น โดยไม่มีข้อความว่า ถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก

…..3.นายพิธาเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งตายเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 หลังจากนั้นนายพิธาได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ผู้ตาย

…..4. ตามคำสั่งศาลที่ตั้งนายพิธาเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายมีข้อความตอนหนึ่งว่า ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้และนายพิธาเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ซึ่งหมายความว่า …..4.1 การที่ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ มรดกของผู้ตายย่อมตกแก่ทายาททุกคน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1620 …..4.2 นายพิธาไม่ได้ถูกกำจัดมิให้รับมรดก ไม่ได้ถูกตัดมิให้รับมรดก และไม่ได้สละมรดกของผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605 กับมาตรา 1606 มาตรา 1608 และมาตรา 1612 ตามลำดับ …..4.3 นายพิธาเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายในฐานะทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1603

…..5. เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของผู้นั้นตกแก่ทายาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1599  …..การที่ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์มรดกทั้งหมดรวมทั้งหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) จึงตกแก่ทายาททุกคนของผู้ตายซึ่งรวมทั้งนายพิธาด้วย ตั้งแต่วันนายพงษ์ศักดิ์ตายคือวันที่ 18 กันยายน 2549 ทายาททุกคนจึงมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกร่วมกันจนกว่าจะได้มีการตกลงแบ่งกันหรือผู้จัดการมรดกจัดการแบ่งให้แก่ทายาททุกคนเรียบร้อยแล้ว …..แม้นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แต่นายพิธาก็ยังมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายตามมาตรา 1603 และถ้าหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) 42,000 หุ้น เป็นทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาท นายพิธาในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ก็ย่อมได้รับหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นทรัพย์มรดกด้วย นายพิธาจึงเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกับทายาทคนอื่น

…..กล่าวโดยสรุปคือ ก่อนที่นายพิธาโอนหุ้นให้แก่นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ซึ่งก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นการโอนในฐานะผู้จัดการมรดก นายพิธาก็เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) โดยอาจเป็นผู้ถือหุ้นคนเดียวหรือถือหุ้นร่วมกับบุคคลอื่น ซึ่งก็เป็นผู้ถือหุ้นอยู่นั่นเอง

.

…..ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มีผู้นำไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. แล้ว และ กกต.ได้ดำเนินการไต่สวนเพื่อจะดำเนินคดีแก่นายพิธาตาม พรป.เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 151 …..ดังนั้น กกต. จึงควรต้องรีบดำเนินการไต่สวนและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นดังต่อไปนี้คือ

…..1. นายพิธาเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) คือเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่

…..2. นายพิธาเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 89(2)ประกอบมาตรา 160 หรือไม่

…..3. นายพิธาเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี(นายกรัฐมนตรี) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(6) ประกอบมาตรา 98 หรือไม่

…..4. นายพิธาเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล พ.ศ. 2563 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563) ข้อ 12 ที่มีข้อความว่า สมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ ฯลฯ (6) เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่

…..นายพิธาจะเป็นบุคคลต้องห้ามตามข้อ 1,2,3, และ 4 หรือไม่ ควรต้องรอฟังคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีอำนาจหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายกรุณาอย่าตัดสินชี้ขาดให้ประชาชนสับสนเลย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ

สาวกเพื่อไทย ยื่นศาลรธน.สอบ 'ธนพร' ละเมิดอำนาจศาล

ที่บริเวณ​หน้าศาลรัฐธรรมนูญ​ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร เดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นหนังสือร้อง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์

'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง

จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ

2 ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย รับคำร้อง 'ทักษิณ' สั่งรัฐบาลเอื้อประโยชน์ฮุนเซน น่าจะเกิดผลใช้สิทธิล้มล้างปกครองฯ

จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูก

'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.

หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ