มือกฎหมายมหาชน ชี้ช่องเชือด 'พิธา' เซ่นพิษหุ้นสื่อ ฟันธงออกช่องไหนก็ไม่รอด!

10 มิ.ย.2566 - สืบเนื่องจากกรณี กกต. มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องจากผู้ร้อง 3 ราย กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้ง กรณีถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น เหตุคำร้องยื่นเกินระยะเวลาตามกฎหมายกำหนด แต่มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาตามมาตรา 151 เหตุรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังฝืน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนต่อไป ตามาี่เสนอข่าวนั้น

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์” มือกฎหมายมหาชนคนดัง ได้อธิบายเกี่ยวกับข้อกฎหมายน่าสนใจว่ากระบวนการชั้น กกต.ขั้นตอนรับคำร้องตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.จะต้อง ก่อนเลือกตั้ง 7 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง เป็นเงื่อนไขทางกฎหมาย หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องทั้งสาม ยื่นคำร้องต่อ กกต.ก่อนการเลือกตั้งเพียงแค่ 2 วัน มติไม่รับคำร้อง ตนเห็นว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถือเป็นขั้นตอน การตรวจสอบเงื่อนไขก่อนรับคดี อันเป็นกระบวนการสืบสวนหรือไต่สวน ตราบใดที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรอง นายพิธา ให้เป็น ส.ส. เป็นช่องว่างทางกฎหมาย ที่ กกต.ไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้ หากข้อเท็จจริงมีพยานหลักฐานว่าคดีมีมูลที่รับไว้สืบสวนหรือไต่สวน ความปรากฏแก่ กกต.ไม่ว่าในทางใด กกต.ย่อมรับเรื่อง ตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือไต่สวนได้

ดร.ณัฐวุฒิ อธิบายว่าคำว่า “ความที่ปรากฏ” อาจเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏทั่วไป อาทิ สื่อมวลชน หรือข้อเท็จจริงจากคำร้องเรียน มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะไต่สวนได้ ให้อำนาจ กกต.ดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนหรือไม่ก็ได้ หากปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอให้มีมูลเหตุที่เป็นเช่นนี้ พี่น้องประชาชน อาจไม่เข้าใจข้อกฎหมาย พูดภาษาชาวบ้าน ว่า ผู้ร้องทั้ง 3 คนยื่นเกินกำหนดเวลา เป็นเหตุ กกต.ไม่รับคำร้อง แต่ กกต.ใช้อำนาจตามกฎหมาย ข้อเท็จจริงตาม “ความที่ปรากฏ” มีมติเห็นชอบให้ตั้งกรรมการสืบสวนหรือไต่สวนคดีอาญากรณีขาดคุณสมบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 42(3) ประกอบมาตรา 151 ได้

ดร.ณัฐวุฒิ อธิบายต่อว่าผลของ กกต.ไม่รับคำร้อง เพราะเหตุผู้ร้องยื่นเกินเวลา (ไม่น้อยกว่า 7 วัน) ไม่ตัดสิทธิ ผู้ร้องที่จะยื่นคำร้องเข้าไปใหม่ เพราะ กกต.ยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดในเนื้อหา ว่า ผู้ถูกร้องกระทำผิดหรือไม่ อย่างไร แต่ผู้ร้องจะต้องรอเวลา ให้ กกต.รับรองนายพิธาเป็น ส.ส.ก่อน เพราะช่วงเวลาก่อนรับรอง ส.ส.เป็นช่องว่างกฎหมาย กกต.ยังไม่มีอำนาจรับวินิจฉัยคุณสมบัติถือหุ้นสื่อ ของนายพิธา

ดังนั้นกรณี ผู้สมัคร ส.ส.ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 98 รัฐธรรมนูญ ไม่จำกัดระยะเวลาในการร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ แตกต่างร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง จะต้องใช้สิทธิร้องคัดค้านภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง หากผู้ร้องยื่นคำร้องเข้าไปใหม่หลังรับรอง ส.ส.ย่อมเป็นเหตุให้ กกต.รับคำร้องและไต่สวนได้ ตราบใดที่นายพิธาดำรงตำแหน่ง ส.ส. เปิดช่องให้ กกต.รับไต่สวนและยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดคุณสมบัติ ส.ส.โดย กกต.อาศัยอำนาจช่องรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคท้าย

อีกประการหนึ่ง ช่องทางเชือดนายพิธาถือหุ้นสื่อ เป็นช่องทางฝ่ายนิติบัญญัติ เปิดช่องในมาตรา 82 วรรคหนึ่ง โดยเปิดช่องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) (5) (6) (7) (8) (9) (10) หรือ (12) หรือมาตรา 111 (3) (4) (5) หรือ (7) แล้วแต่กรณี และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้อง ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่

“จะเห็นว่า ทั้ง 2 ช่องทาง ประการแรก ไม่ตัดสิทธิ์ผู้ร้องที่จะยื่นคำร้องต่อ กกต.เข้าไปใหม่ แต่ต้องรอเวลา ให้ กกต.รับรอง อีกประการหนึ่ง คือ รวบรวมเสียง ส.ส.หรือ สว. หนึ่งในสิบ ยื่นให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภา ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีมีเหตุสงสัยในคุณสมบัติถือครองหุ้นสื่อ ให้เทียบเคียงกับ คดีของนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แต่ขาดคุณสมบัติคนละข้อกันในมาตราเดียวกัน” ดร.ณัฐวุฒิ ระบุ

ดร.ณัฐวุฒิ อธิบายด้วยว่าส่วนคดีอาญาที่ กกต.รับไต่สวนคุณสมบัติ ส.ส.ของนายพิธา เป็นช่องทางเดียว ที่ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเบื้องต้นว่า มีมูลในเรื่องขาดคุณสมบัติสมัคร ส.ส.มาตรา 42(3) และมีโทษทางอาญาและตัดสิทธิทางการเมือง มาตรา 151 เป็นช่องทางดำเนินคดีอาญาปกติที่ กกต.สามารถดำเนินการได้ ส่วนพนักงานอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ถืออีกเรื่องหนึ่ง เพราะความรับผิดทางอาญา เป็นเรื่องของการกระทำโดยเจตนา

“แต่ผลวินิจฉัยชี้ขาด กกต.หากขาดคุณสมบัติและถูกดำเนินคดีอาญา จะนำไปสู่ การยื่นถอดถอน ส.ส.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ พูดภาษาชาวบ้าน ออกช่องไหน ก็ไม่รอด ไม่ว่า จะเป็นช่องประธานสภาผู้แทนราษฏร หรือประธานวุฒิสภา หรือ ช่อง กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมนำไปสู่การถอดถอนการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง หากนายพิธาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง อาจสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ได้ ให้เทียบเคียงกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งวาระเกิน 8 ปี ไม่แตกต่างกัน” ดร.ณัฐวุฒิ รับุ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.

หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ

'เอ็ดดี้ อัษฎางค์' มีคำตอบให้! 'พิธา' ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย

เอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอ็นเซอร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์ ยมนาค มีคำตอบให้

'พงษ์ศักดิ์' แชมป์เก่า 6 สมัย ร้องประธาน กกต. สั่งระงับรับรองผลเลือกตั้งนายก อบจ.ขอนแก่น

นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 2 ได้ทำหนังสือเข้าร้องเรียน ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังตรวจพบว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 1 ได้หาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเฟสบุ๊ค จ

‘สนธิญา’ ยื่น กกต.สอบ ‘ทักษิณ’ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกม.เลือกตั้งท้องถิ่น

สนธิญา ยื่น กกต.สอบ ทักษิณ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น-พรรคการเมือง-รธน. ห้ามคนต่างชาติเอี่ยวการเลือกตั้งทุกระดับ  พ่วงร้องสอบหาเสียงหยาบคาบ เป็นเท็จ อาจทำเลือกตั้ง อบจ.อดุรฯ โมฆะ 

ฟิล์ม-รัฐภูมิ ยื่น กกต.ไขก๊อกพ้นสมาชิก พปชร. ‘ไพบูลย์’ ชี้เรื่องส่วนตัวไม่กระทบพรรค

เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ยังไม่รู้ว่าเขาผิดหรือเขาถูก เพราะเราไม่เกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ไม่กระทบกับภาพลักษณ์พรรค ไม่ทำให้เรามีปัญหา

'พิธา' คุยพรรคประชาชนแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้

ที่จ.อุดรธานี แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก องค์การ​บริหาร​ส่วน​จังหวัด​ (อบจ.)​ อุดรธานี ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 2567 ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก