'คารม' ชี้ 'พิธา' อาการโคม่า! ข้อกฎหมายผิดจริงอยู่ที่ลุ้นสถานะไอทีวี

อดีตเด็กเก่าก้าวไกลที่เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญสอบปมถือหุ้นระบุ พิธาอาการโคม่า ข้อกฎหมายผิดชัดเจน แต่ต้องไปลุ้นต่อว่าไอทีวีเข้าข่ายเป็นสื่อหรือไม่ เผยหากไม่ผิดจริงทำไมต้องโอนหุ้นให้ทายาท

07 มิ.ย.2566 - นายคารม พลพรกลาง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ในฐานะคนเคยถูกตรวจสอบจากศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งเป็น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ว่าเป็น ส.ส.ที่ถือหุ้นสื่อหรือไม่ และได้ยื่นคำแก้ข้อกล่าวด้วยตนเอง ไม่ได้ให้ทนายที่ไหนทำให้ และไม่ได้ใช้ทนายพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น สุดท้ายก็ชนะคดี ในศาลรัฐธรรมนูญ เพราะบริษัทฯ ที่มีอยู่นั้นไม่ได้ประกอบธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน

วันนี้กลับมาเป็นนักกฎหมายไม่ได้อยากมีแสงอะไร เพราะอยู่แต่บ้านนอก ความมืดก็ทำให้มีสมาธิดี และมีความสุขตามอัตภาพในฐานะประชาชน

ขอแสดงความคิดเห็นในประเด็นของหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าคุณสมบัติของคุณพิธานั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญของคนที่จะเป็น ส.ส.หรือเป็นนายกฯ ว่าห้ามไม่ให้ถือหุ้นสื่อหรือไม่

ข้อกฎหมายนั้นชัดเจน ส.ส.หรือแคนดิเดตนายกฯ ที่มาจาก ส.ส.นั้นถือหุ้นสื่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นมีเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น ที่จะต่อสู้กันต่อไป ว่าไอทีวีเป็นสื่อ และประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่ ส่วนเรื่องถือหุ้นของคุณพิธา น่าจะไม่มีอะไรซับซ้อน

เมื่อไอทีวีเป็นสื่ออยู่แล้ว ใครๆ ก็ทราบดี ประเด็นจึงมีเพียงว่า ไอทีวียังประกอบกิจการอยู่ไหม และกรณีที่ยังฟ้องร้องกันอยู่นั้นมีประเด็นคืออะไร ถ้ามีประเด็นว่าไอทีวียังเป็นสื่อ และรัฐบาลปิดไอทีวีไม่ได้ และยังไม่ปิดบริษัท แม้ไปทีวีไม่ได้ออกอากาศ จะถือว่าเป็นบริษัทที่ยังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่

ในประเด็นเรื่อง ส.ส.จะถือคุณสมบัติเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อ ขณะลงสมัคร ส.ส. ส่วนคุณสมบัติของคนจะเป็นนายกฯ นั้น จะถือขณะถูกเสนอชื่อเป็นนายก หรือขณะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันนี้ก็น่าสนใจ

การที่คุณพิธาโอนหุ้นให้ทายาทคนอื่นไปแล้วในขณะนี้นั้น แสดงว่าเขาไม่มั่นใจในเรื่อง คุณสมบัติของตนเองขณะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ว่าจะชนะไหมเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อ แต่เมื่อมีการโอนหุ้นออกไปแล้วในขณะนี้ จึงอาจพอที่จะเอาไว้สู้ตอนถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้ว่าโอนหุ้นไปแล้ว คุณสมบัติจึงไม่ขัดรัฐธรรมนูญ สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งไม่นานศาลรัฐธรรมนูญคงวินิจฉัย สำหรับผมดูข้อกฎหมายแล้ว เขาดูตอนเสนอชื่อตอนเสนอเป็นแคนดิเดตเป็นนายกฯ โอนไปก็ไร้ผล อาการโคม่า

มีข้อน่าคิดอีกว่า รู้มาตั้งนาน ตั้งแต่ปี 2562 แล้วว่าถือหุ้นสื่อทำไม ไม่ทำให้เรียบร้อยก่อนสมัคร ส.ส.

มีข้อน่าคิดคือสำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น จะผูกพันทุกองค์กรตามกฎหมายเอาไว้อ้าง เอาไว้ต่อสู้ได้ แต่คำพิพากษาศาลฎีกานั้น ไม่ได้ผูกพันองค์กรไหน ผูกพันเฉพาะคู่ความ #ประชาชนที่พอจะรู้กฎหมาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ก้าวไกล’ ดึง ปชช. ร่วมทำนโยบาย

'ก้าวไกล' จัดงาน 'ก้าวCAMP' ครั้งที่ 3 เปิดโอกาสให้ ปชช.มีส่วนร่วมทำนโยบาย ด้าน 'ณัฐพงษ์' เผย พร้อมส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ท้องถิ่น กว่า 20 จังหวัด ยัน ไม่หวั่นเกมบ้านใหญ่ เชื่อ 'กระสุนแพ้กระแส'

'ศิริกัญญา' เผย 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ยังไม่เข้าบอร์ด ธกส. เชื่อเดินหน้าลำบาก

'ศิริกัญญา' เผย 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ยังไม่เข้าบอร์ด ธกส. ห่วงสภาพคล่อง เดินหน้าโครงการลำบาก บอกยังไม่มีวี่แววเอกสารงบกลางวนเข้ามาใหม่ เชื่อหาก 'เศรษฐา' เกิดอุบัติเหตุการเมือง ก็ยังมีคนสานต่อ

'อนุทิน' ท้วงดึงช่อดอกกัญชาเป็นยาเสพติด กระทบผู้ป่วย เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณี คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดกระทรวงสาธารณสุข มีมติให้กัญชากัญชงกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งว่า ภูมิใจไทยไม่สนับสนุนให้ใช้กัญชาทางสันทนาการ

สส.เพื่อไทย ดักคอ 'ก้าวไกล' เสนอเพิ่มวันประชุมสภาฯ อย่าหวังเอาคะแนนลอยๆ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้เพิ่มวันประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาพิจารณากฎหมายสำคัญให้มากขึ้นว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกัน แต่หากย้อนไปดูในอดีต เราจะมีการประชุมสภาฯ