4 ธ.ค.2564 - อินไซท์เอเชีย รีเสิร์ช กรุ๊ป (ประเทศไทย) ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย จำนวน 444 ราย ที่มีต่อรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลในกรณีถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี ตามระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย และมุมมองต่อการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน
โดยคำถามที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ซึ่งผลสำรวจชี้ชัดว่านักธุรกิจชั้นนำเลือกพรรคประชาธิปัตย์ คิดเป็น 47.7 เปอร์เซ็นต์ มากสุดในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด และเมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 40.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีความคิดเห็น หรือไม่ทราบ ขณะที่ 35.1 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์
ต่อคำถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีความน่าเชื่อมั่นต่อการบริหารงานที่รับผิดชอบมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 38.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อมั่นพรรคใด แต่ 27 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความน่าเชื่อมั่นมากที่สุด เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใด สามารถทำตามนโยบายหาเสียงได้มากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 34.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าไม่มีความเห็นและไม่ทราบ ขณะที่ 20.7 เปอร์เซ็นต์ เลือกพรรคประชาธิปัตย์
และโพลนี้สอบถามว่าถ้าสามารถเลือกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ คิดว่าหัวหน้าพรรคใดควรเป็นนายกฯ ซึ่งนักธุรกิจชั้นนำ 45.05 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ตัดสินใจหรือไม่เลือกใคร แต่ 27.48 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามด้วย 15.32 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเมื่อสอบถามเพิ่มเติมถึงสาเหตุ พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 22.17 เปอร์เซ็นต์ เลือกเพราะเล็งเห็นถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน
นอกจากนี้ เมื่อถามว่าตัวแทนพรรคการเมืองใดควรเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมากที่สุด ผลคือตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงได้รับความเชื่อใจจากนักธุรกิจชั้นนำให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. 23.42 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับนักธุรกิจ 23.42 เปอร์เซ็นต์ ที่เลือกตัวแทนอิสระ รองลงมาคือนักธุรกิจชั้นนำที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ 15.32 เปอร์เซ็นต์
สำหรับความมั่นใจต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันนั้น พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 32.43 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่ามีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในระดับปานกลาง ขณะที่ 29.73 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นน้อยที่สุด, 23.42 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นน้อย และ 10.81 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเชื่อมั่นมาก เมื่อถามถึงผลงานของรัฐบาลในปัจจุบันว่ามีด้านใดบ้างที่สร้างความเชื่อมั่น พบว่า 17.19 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าด้านการคมนาคม ระบบขนส่งมวลชน รองลงมา 12.67 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าด้านสาธารณสุขและด้านอื่นๆ
เมื่อถามว่าหากเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งใดคือปัญหาเร่งด่วนที่ควรดำเนินงานในช่วงนี้ พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 25.9 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชน ตามด้วย 18.73เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าปัญหาและป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 และ 14.60 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าการพัฒนาจริยธรรมของคนในชาติ ขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น ผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 20)
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490
'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป
‘วัน’ เซ็ง! ออกจากพรรคก็ว่า เข้าพรรคใหม่ก็ด่า
นายวัน อยู่บำรุง อดีตสส.พรรคดพื่อไทย ซึ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเตรียมสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
'นิพิฏฐ์' จะเสียภาษีให้น้อยที่สุด หวั่นถูกนำไปสร้างความเข้มแข็งให้นักการเมือง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีคำกล่าวว่า “หากต้องการรู้ว่าประชาชนเป็นอย่างไรให้เป็นนักการเมือง หากต้อง
ก้าวไกลเพ้อชนะยุบพรรค!
ใจดีสู้เสือ! "ชัยธวัช" เชื่อ "ก้าวไกล" มีโอกาสชนะสูง อ้างยิ่งศาล รธน.ปิดไต่สวน "คดียุบพรรค" ก็ยิ่งมั่นใจในคำแถลงปิดคดี ปลุกกองเชียร์ 7 ส.ค.
'ก้าวไกล' มองคดียุบพรรคไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เตรียมพร้อมเป็นรัฐบาล เลือกตั้งครั้งหน้า
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิด 3 วิสัยทัศน์พัฒนาเชียงใหม่ พร้อมกับเปิดตัว นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่