'ส.ว.สมชาย' เปิดหน้าคุยทูตสหรัฐฯ รับรู้ขบวนการใส่ร้ายสถาบัน ผ่านกองทุน NED

4 พ.ค.2566 - นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า คนไทยชักศึกเข้าบ้าน หรือ สหรัฐแทรกแซงอธิปไตย

จากเอกสารที่คนไทยกลุ่มหนึ่งอ้างกล่าวหาให้ร้ายประเทศไทย ส่งถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาและวุฒิสมาชิกกลุ่มหนึ่งของสหรัฐเคลื่อนไหวต่อเนื่องจะออกมติวุฒิสภา ที่ 114 ต่อประเทศไทยนั้น

3 พ.ค.2566 คณะกรรมาธิการการต่างประเทศและคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา จึงได้เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค และคณะ เพื่อประสานสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริง ที่ห้องรับรองพิเศษวุฒิสภา

ในระหว่างการหารือกัน ผมได้เสนอให้ท่านทูตสหรัฐรับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และยืนยันว่า มิได้เป็นไปตามที่กลุ่มบุคคลเหล่านั้นไปกล่าวหาให้ร้าย คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาไทย ที่ติดตามการดูแลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต) ไม่พบปัญหาดังที่มีการกล่าวหา

โดยประเทศไทยนั้นให้เสรีภาพเต็มที่ในการหาเสียงเลือกตั้งของทุกพรรคการเมือง และสื่อมวลชนสามารถสื่อข่าวสารได้อย่างเสรีไม่มีปิดกัั้น

คณะกรรมาธิการและสมาชิกวุฒิสภาไทยเห็นว่า ในท้ายร่างมติ 114 ที่ให้ร้ายและข่มขู่กล่าวหา สถาบันพระมหากษัตริย์แทรกแซงการเลือกตั้งทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้งนั้น ไม่เป็นความจริง และทำให้วุฒิสภาฝ่ายไทยไม่สบายใจ เกรงจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดี เพราะข้อเท็จจริงแล้ว พระมหากษัตริย์ไทยทรงอยู่เหนือการเมือง มิเคยทรงยุ่งเกี่ยวในการเลือกตั้งใดๆ ตามที่มีการกล่าวหาให้ร้าย

จนทำให้วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกาบางท่านเข้าใจผิดนำข้อมูลดังกล่าวไปร่างยื่นขอมติวุฒิสภา114 (senate resolution 114 ) ที่กล่าวร้ายรุนแรงต่อประเทศไทยโดยไม่เป็นความจริง

ในประเด็นที่ 2 คือการหารือเรื่องกองทุน NED ( National Endowment For Democracy )ให้ทุนสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวการเมือง เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญ2560 กฎหมายสูงสุดของประเทศและยกเลิกมาตรา112 ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครององค์พระประมุข เช่นเดียวกับที่สหรัฐอเมริกามีกฎหมายปกป้องประธานาธิบดี เช่นกัน

เรื่องนี้ก่อให้เกิดความแตกแยกทางความคิดและความขัดแย้งในประเทศไทย ถือเป็นการกระทบต่ออธิปไตยของมิตรประเทศและอาจเป็นการแทรกแซงกิจการในประเทศไทยได้ จึงขอให้ท่านทูตได้เร่งประสานงานให้รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐอเมริกาทราบและแก้ไขการกระทำดังกล่าวให้ถูกต้องต่อไปโดยเร็ว

เอกอัครราชทูตทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้ตอบรับทราบทั้ง 2 เรื่องและรับปากว่าจะสื่อสารไปยังรัฐบาลและวุฒิสภาสหรัฐเพื่อดำเนินการต่อไป

เรื่องนี้ คณะกรรมาธิการทั้ง 2 ของวุฒิสภาไทย จะติดตามเรื่องนี้มารายงานให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไปเช่นกันครับ

#ชักศึกเข้าบ้านหรือแทรกแซงอธิปไตย

อ่านเนื้อหาเต็มของมติวุฒิสภา 114 >>> https://www.markey.senate.gov/.../thailand_resolution...

เช็คสถานะของมติวุฒิสภา 114 >>> https://www.congress.gov/.../senate-resolution/114/text

อ่านข่าวนี้ต่อบนเว็บไซต์ : https://tlhr2014.com/archives/55359

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่วม! ศาลเชียงใหม่ สั่งจำคุก 'อานนท์ นำภา' ปราศรัยผิด ม.112 รวม 20 ปี 19 เดือน

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาคดี “อานนท์ นำภา” กรณีปราศรัยที่หอศิลป์ มช. เห็นว่าผิดตาม ม.112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 2 ปี

'ธณัชญ์พงศ์' สว.สำรองกลุ่ม 19 เสียบแทน 'สมชาย เล่งหลัก'

หลังศาลรัฐธรมนูญมีมติให้นายสมชาย เล่งหลัก พ้นสมาชิกภาพความเป็น  สว.เหตุถูกศาลฏีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทำให้ต้องเลื่อนบัญชีสำรอง สว.ขึ้นมาแทน คือ นายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี สว.สำรองลำดับที่ 1 กลุ่มที่ 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรืออื่นๆ  ในทำนองเดียวกัน ขึ้นมาเป็น  สว.แทน 

ศาลรธน. นัดชี้ชะตา 'สมชาย เล่งหลัก' พ้น สว.

ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของนายสมชาย เล่งหลัก สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (4)ประกอบมาตรา 108 ข.ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 38 (5) หรือไม่

'เลขาฯกกต.' ยันคุมเลือก สว. ตามกฎหมาย จ่อเปิดสำนวนคำร้องทางแอปสมาร์ทโหวต

'แสวง' ยันทำหน้าที่คุมเลือก สว. ตามกฎหมาย ลั่นทำสำนวนไม่ล่าช้า อยู่ในกรอบ 1 ปี เล็งส่ง 60 สำนวนเข้า กกต. จ่อเปิดสำนวนคำร้องเลขาฯกกต. ทางแอปสมาร์ทโหวต

'เลขาฯป.ป.ช.' คาดคดี '44 อดีตสส.ก้าวไกล' จบกลางปีนี้ เผยมารับข้อกล่าวหาไม่กี่คน

'เลขาฯป.ป.ช.' เผย คดี 44 อดีตสส.ก้าวไกล แก้ 112 มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองไม่กี่คน ส่วนใหญ่ส่งไปทางไปรษณีย์ ยันพิจารณาพฤติการณ์รายบุคคล คาดจบกลางปีนี้