นักวิชาการ วิพากษ์นโยบายหาเสียง รทสช. 'คิดดี-ทำเป็น' ไม่ใช่ 'คิดชั่ว-มั่วเอา'

27 เม.ย.2566 - ศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเรื่อง "บทวิจารณ์นโยบายหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ "ราคาที่ต้องจ่ายให้พรรครวมไทยสร้างชาติ: ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" โดย ชวินทร์ ลีนะบรรจง และสุวินัย ภรณวลัย มีเนื้อหาดังนี้

ถ้าดูจากนโยบายที่มีเพียง 11 นโยบายที่แจ้งกับ กกต. เสมือนหนึ่งว่าพรรคนี้มุ่งขายเฉพาะ “ลุงตู่” เพราะไม่มีนโยบายสำคัญใช้เงินจำนวนมากเพื่อหวังพลิกประเทศ/เศรษฐกิจแบบแบบพลิกฟ้าคว่ำดินเหมือนเช่นพรรคอื่นๆ แต่การ “ไม่มี” นี้แหละคือ “มี”!!

เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้นำเสนอนโยบายอะไรที่จะทำความเสียหายให้ชาติบ้านเมืองเหมือนการแจกเงินซื้อเสียงโดยถ้วนหน้าแบบพรรค “เพื่อไทย” และการมุ่งบ่อนทำลายฐานรากของสถาบันและสังคมแบบพรรค "ก้าวไกล"

หากแต่พรรครวมไทยสร้างชาติอาศัยสโลแกน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” เป็นตัวบ่งบอกตัวตนและเจตจำนงปณิธานของพรรค

ในช่วงโควิด19 กำลังระบาดอย่างรุนแรงเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถือว่าโชคดีมากที่ไม่ได้นักการเมืองแบบที่กำลังหาเสียงอยู่มาบริหารบ้านเมือง

หาไม่แล้วประเทศไทยในปัจจุบันคงลำบากมากกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะขนาดแค่บริหารในสภาพปกติยังทำน้ำท่วมกรุงเทพได้อย่างเหลือเชื่อ

นโยบายคนละครึ่ง เราเที่ยวฯ ผ่านแอป “เป๋าตังค์” บนโทรศัพท์มือถือ ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจและประเทศไทยไม่ “อดตาย” จากการที่ต้อง ปิดเมือง จำกัดการเดินทาง จำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญและน่าจะได้โนเบลด้านนวัตกรรมทางเศรษฐศาสตร์ด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นการผสมผสานแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์กับนวัตกรรมที่มีอยู่ทำให้เกิดประสิทธิภาพของนโยบายการคลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน คนที่เป็นต้นคิดขอได้รับความขอบคุณอย่างสูงจากเราด้วย

นโยบายการใช้จ่ายของภาครัฐจึงเกิดขึ้นตรงไปที่ผู้ที่ต้องการโดยตรงไม่ต้องผ่านคนกลาง มีผลในทันทีและเป็น copayment ที่ทำให้ใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่าเพราะมีเงินตัวเองร่วมอยู่ด้วย

ไม่ได้ให้เปล่าที่จะใช้อย่างทิ้งขว้าง การกำหนดระยะเวลาและจำนวนเงินที่จะใช้ได้ทำให้สามารถควบคุมเงินให้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างถูกที่ถูกเวลา

ถ้าจะใช้นโยบายการคลังอัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 หมื่นล้านบาท รัฐบาลก็ใช้เพียง 5 พันล้านบาทเท่านั้นแถมยังกำหนดช่วงเวลาและจำนวนในการใช้ได้อีกด้วย

เมื่อเปรียบเทียบกับนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทถ้วนหน้าที่ใช้เงินกว่า 5.6 แสนล้านบาทแล้วมันคนละเรื่องเลยก็ว่าได้ แถมที่คุยโวว่าจะแจกให้เป็น “เงิน” หรือไม่ก็ยังไม่แจ้งชัด หากไม่เป็นเงินมันก็เป็นเศรษฐกิจ “กงเต๊ก” ที่ต้องไปใช้ในนรกเพราะเงินกงเต๊กมันออกโดย Hell Bank ถ้าจะมาใช้ในโลกมนุษย์มันจะมีค่า “หัวคิว” จากนักการเมือง (ที่มาจากนรกหรือไม่?) เข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการแลกเงิน “กงเต๊ก” นี้

ถ้าจะอ้างแบบ “โง่ๆ” ว่า เงินกงเต๊กนี้จะเป็น “เงินเลว” ที่คนรับจะรีบใช้ออกไป กิจกรรมเศรษฐกิจจะไม่หมุนหลายรอบอย่างที่อ้างดอก “แป๊ก” ตั้งแต่รอบแรกแล้วเพราะไม่มีใครอยากรับ “เงินเลว” จะรับไปทำไม แม้เอามาจ่ายเป็นภาษี รัฐจะรับชำระหรือไม่?

เห็นหรือยังว่าระหว่าง “คิดดี-ทำเป็น” กับ “คิดชั่ว-มั่วเอา” นั้นมันให้ผลที่แตกต่างกัน

ส่วนนโยบายโอนเงิน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยผู้สูงอายุ หรือ เพิ่มเงินสมทบภาครัฐกับแรงงานในระบบประกันสังคมนั้น พอฟังได้เพราะใช้เงินไม่มาก แต่ควรมี exit policy เป็นเงื่อนไขกำกับว่าจะเลิกเมื่อใด ยังเป็นนโยบายแจกถ้วนหน้าเหมือนกันเพราะไม่ตรงจุด เช่น ตัวเลขผู้ได้บัตรฯมันมากกว่าตัวเลข “คนจน” ที่มีอยู่และเป็นคนคนเดียวหรือไม่ก็ไม่รู้แน่ หรือ ถ้าจะให้เบี้ยฯคนอายุ 60 ปีนี้ คนอายุ 60 ปีหน้าต้องให้ลูกหลานมันมาช่วยจ่าย เพราะเงินที่มาทำนโยบายมันไม่ใช่เงินลุงตู่หรือของพรรคใดและประเทศไทยก็ยังจนไม่มีทรัพยากรให้ใช้แบบฟุ่มเฟือย

นโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติจึงเล่นเป็น เพราะรู้ว่าสภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้มันเลยจุดที่ต้องการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ(แบบที่หลายพรรคกำลังทำอยู่ในขณะนี้)ไปแล้ว

หากแต่ต้องการเสถียรภาพเพื่อรักษาเศรษฐกิจ เช่น เงินเฟ้อ เพื่อให้มันเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงมากกว่านโยบายที่พรรครวมไทยสร้างชาติยังขาดอยู่หรือยังไม่สมบูรณ์ก็เหมือนกับทุกพรรคที่เหลือคือ นโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การศึกษา นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้คนไทยเพิ่มโอกาสในการหารายได้มากกว่าการแจกเงินเพื่อลดความเหลื่อมล้ำที่ผิดฝาผิดตัว รวมถึงการออมภาคบังคับไว้รองรับเศรษฐกิจคนแก่ในอนาคต

ศ.ดร.ชวินทร์ ลีนะบรรจง และรศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(หมายเหตุ : โปรดอ่านบทวิพากษ์นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ ของศ.ดร.ชวินทร์ ลีนะบรรจง ในคอมเมนต์ข้างล่างประกอบด้วย)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ราชกิจจาฯ ประกาศแล้ว วันเลือกตั้งใหม่ สส.จังหวัดบึงกาฬ เขต 2

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดบึงกาฬ แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา หลังเพิกถอนสิทธิสมัคร 'สุวรรณา กุมภิโร'

ผ่ากลยุทธ์ 'พรรคประชาชน' เกมซ่อนเงา 'ซื้ออนาคต' การเมืองไทย!

พรรคประชาชนกำลังเดินหน้าสู่สมรภูมิสำคัญ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้ การซักฟอกครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการท้าทายเสถียรภาพของผู้นำฝ่าย

รทสช. เผยกฎหมายโซลาร์เซลล์เสรีอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครวมไทยสร้างชาติ

'ดีลลับบรูไน' แค่ข่าวลือหรือสัญญาณการเปลี่ยนขั้ว?

กระแสข่าวลือเรื่อง “ดีลลับบรูไน” กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในแวดวงการเมือง หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ เพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซีย

'เอกนัฏ' ยันจุดยืน 'รทสช.' อิงคำวินิจฉัยศาลรธน. ปมแก้รัฐธรรมนูญ

'เอกนัฏ' ชี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ระบุพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันไม่แตะหมวดหนึ่ง หมวดสอง ย้ำไม่เคลียร์พรรคร่วม เพราะเคยคุยกันหลายรอบ

ผลเลือกตั้งไม่เป็นทางการ 'ดีเจ เซียงช้าง' โค่นแชมป์เก่า นั่ง 'นายก ทต.หนองกี่'

'ดีเจ เซียงช้าง' คว้าชัยชนะเหนือ 'นายก จอย' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลหนองกี่ ได้นั่งเก้าอี้ 'นายก ทต.หนองกี่' สมัยแรก ด้วยคะแนน 2,962 ต่อ 1,949