'เศรษฐา' ย้ำแจกเงินดิจิทัลไม่ต้องกู้เงินสักบาทแต่ไม่เอ่ยเรื่องหว่านแห!

'เศรษฐา' ทวีตยาวแจงเรื่องแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เปลี่ยนอีกรอบใช้ทุกร้านค้าได้ไม่ต้องอยู่ในระบบภาษี! โวไม่ต้องกู้เงินแม้แต่บาทเดียว หลังโครงการเกิดจพทำให้จีดีพีโตถึง 8%

26 เม.ย.2566 - นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวระบุว่าตั้งแต่ไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย นโยบายที่เราเสนอมักจะถูกปรามาสเสมอว่าทำไม่ได้จริง เพ้อฝัน ไม่เกิดประโยชน์ แต่กาลเวลาได้พิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนว่าพรรคเราไม่ใช่แค่คิดใหญ่ แต่เราทำเป็นด้วย และนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็เป็นเรื่องที่เราคิดใหญ่

แต่วันนี้ ผมชวนให้ท่านคิดว่าทำไมเราถึงมั่นใจว่าเรา “ทำเป็น” และนี่คือนโยบายที่ผ่านการคิดและไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

นับย้อนหลังไปปี 2020 ตอนที่ประเทศไทยเริ่มจะได้รับผลกระทบโควิด รัฐบาลยุคนั้นก็ได้พยายามแก้ไข แต่การที่ไทยอยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยวและมีประชาชนทำงานอยู่ภาคบริการจำนวนมาก การสนับสนุนเงินของรัฐในยุคนั้นผมก็มองว่าเป็นการประคองให้พอไปรอดได้ แต่ไม่สร้างความพร้อมที่จะกลับมาเติบโตหลังโควิด ไม่ว่าจะเป็นการทยอยให้เงินทีละน้อย ซึ่งช่วยได้เพียงค่าใช้จ่ายประจำวัน แต่ไม่สามารถจะทำให้ลืมตาอ้าปากได้ หรือแม้กระทั่งเงินที่ให้ก็เข้าไม่ถึงแหล่งชุมชน กลับไปกระจุกอยู่กับห้างร้านใหญ่ โรงแรมหรู ทำให้ผู้ที่ต้องการการสนับสนุนจริงๆเข้าไม่ถึง และมีข้อบังคับบางอย่าง (เช่น คนละครึ่ง) ที่มีข้อบังคับต้องควักเงินตัวเองบางส่วน

ผมและพรรคเพื่อไทยจึงคิดโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องการผลที่จับต้องได้และยั่งยืน จึงออกมาเป็นนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เปรียบเสมือนการให้คูปองดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท ให้กับประชาชนคนไทยที่มีอายุ >16 ปีทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเงินดิจิทัลนี้มีมูลค่าเท่ากับ 10,000 บาท ไม่สามารถนำไปซื้อขายหรือส่งมอบให้กันระหว่างบุคคลได้

เราใช้เทคโนโลยีควบคู่กับหลักเศรษฐศาสตร์ เพื่อปั๊มหัวใจเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่ ก้อนใหญ่ แต่ครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้ประชาชนสามารถสร้างตัวได้ กระตุ้นลงไปในระดับชุมชน ในรัศมี 4 กม. จากบ้านตามที่อยู่บัตร ปชช. ไม่ให้ทุกคนวิ่งไปใช้จ่ายแต่ในเมืองใหญ่ และอาจมีการปรับรัศมีตามความเหมาะสมกับบางพื้นที่ และการบังคับให้ต้องใช้สิทธิใน 6 เดือน เพื่อเร่งอัดฉีดเงินเข้าระบบให้ถึง Critical Mass ที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาหมุนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่ต้องขอย้ำว่าเรากำหนดไม่ให้ใช้จ่ายกับสินค้าบางประเภท เช่น เหล้า สุรา บุหรี่ อบายมุขขต่างๆ เป็นต้น

เมื่อพี่น้องได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็จะต้องนำไปใช้จ่ายในร้านค้าใกล้บ้าน ซึ่งร้านค้าอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบภาษี ซึ่งร้านค้าก็ต้องซื้อวัตถุดิบจากผู้ผลิตสินค้าหรือร้านค้าส่งซึ่งต้องมีจ้างแรงงาน และแรงงาน (ที่ได้รับค่าจ้าง) ก็จะไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อเลี้ยงชีพ ฉะนั้นทุกบาทที่ใส่ไป ผมคิดว่าจะสร้างความสุขได้หลายต่อ และเงินเองจะถูกหมุนเปลี่ยนมือไป 3-4 รอบ ร้านค้าที่อยู่ในรัศมีก็มีสิทธิที่จะขายของได้มากขึ้น สร้างรายได้หลายหมื่นบาท

กลับมาที่ภาพประเทศไทย ผลผลิตมวลรวมของประเทศ (GDP) ก็จะเพิ่มขึ้น และถ้าหมุนไป 3-4 รอบ จากวงเงินทั้งหมด 5 แสนล้าน ก็จะทำให้ GDP เจริญเติบโตขึ้น 1.5 - 2.0 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว หรือนับเป็น การเจริญเติบโตถึง 8% มากกว่าปี 2022 มหาศาล

ไม่ใช่แค่ประชาชนที่ได้ประโยชน์ รัฐเองก็จะได้ประโยชน์ด้วย ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ภาษีที่จัดเก็บได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มอัตราภาษี เพื่อให้นำไปลงทุนต่อยอดสร้างโครงสร้างพื้นฐานหรือเป็นสวัสดิการอื่นๆได้อีกในอนาคต วินัยการเงินการคลังที่ดีขึ้น เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ลดลง เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เปิดให้ภาคเอกชนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร หรือ Start Up ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างนี้มากขึ้น ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น เป็นต้น

เมื่อพูดถึงประโยชน์ ก็คงต้องกล่าวถึงที่มาที่ไปของเงินด้วย ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยต้องกู้เงินมาแจก ผมขอชี้แจงชัดๆ ว่าที่มาของงบประมาณนโยบายนี้ ไม่จำเป็นต้องกู้สักบาทเดียว และที่สำคัญการหมุนเวียนของเงินจะสามารถจ่ายคืน (Payback) ค่าใช้จ่ายในนโยบายนี้ได้ด้วยตัวเอง ในตลอดระยะเวลาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ถ้ามองภาพนโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของอีกหลายส่วนที่เราอยากทำ ไม่ว่าจะเป็น การออกไปเจรจาการค้ามากขึ้นในระดับนานาชาติ ทำให้ภาคเอกชนไทยขายของได้มากขึ้น การพักหนี้เกษตรกร การทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่ม 3 เท่า การแก้ไขปัญหาให้ชาวประมงรายย่อยทำกินได้มากขึ้น การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการทำให้ Soft Power ไทยเติบโตนั้น เราจะพบว่าทุกนโยบายล้วนเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญ ที่จะมาทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาผงาดอีกครั้ง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รมว.ท่องเที่ยว' นำร่อง 'แอ่วเหนือคนละครึ่ง' แพจเกจกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางตรวจเยี่ยม พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ระหว่างวันที่ 11-12 ต.ค.67 ในสถานที่ท่องเที่ยว

'สมศักดิ์' เชื่อไม่ซ้ำรอยรัฐบาลเศรษฐา โยนฝ่ายกฎหมายแจง 6 ประเด็นคำร้องยุบพท.

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. สาธารณสุข ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ประเด็นทางการเมืองในขณะนี้โดยเฉพาะกรณีนายธีรยุทธ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้องในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดวินิจฉัยวินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทย(พท.)

ลากไส้พรรคเพื่อไทย เคยด่า 'คนละครึ่ง' ต่อให้สิ่งที่ทำดี ถ้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็จ้องโจมตี

จากกรณีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวว่า จะมีการฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง

'ธนกร' หนุน 'สรวงศ์' ฟื้น 'คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน' ยุคลุงตู่

'ธนกร' หนุน 'สรวงศ์' ฟื้นคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกันสมัยรัฐบาล 'ลุงตู่' หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดัน 'ไทยเที่ยวไทย' ในประเทศบูมช่วงไฮซีซั่น เชื่อทำเงินสะพัดแน่ช่วงปลายปี