'เพื่อไทย' หนาว! 'เรืองไกร' ยื่น กกต. ฟัน 3 ข้อหา ถึงขั้นยุบพรรค

‘เรืองไกร’ ร้อง กกต. ฟันเพื่อไทย 3 เรื่อง ยุประชาชนรับเงินซื้อเสียง ‘ณัฐวุฒิ’ ชี้นำ พท. ‘แจกเงินดิจิทัล’ หาเสียงเกินกรอบใช้งบประมาณแผ่นดิน

21 เม.ย. 2566 – เมื่อเวลา 11.00น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบใน 3 ประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ทั้งประเด็นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัย รวมถึงประเด็นการหาเสียง และนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท

โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ยื่นขอให้ กกต.ตรวจสอบใน 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกจากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยถ้อยคำว่า “รับเงินหมา กาเพื่อไทย” ว่า คำพูดดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 (5) จึงได้รวบรวมหลักฐานประกอบด้วยคลิปวิดีโอ ในการปราศรัยที่ จ.อุดรธานี เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงข้อความจากแพลตฟอร์มจากพรรคเพื่อไทย ทั้งเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ของพรรค

ประเด็นที่ 2 กรณีที่นายณัฐวุฒิ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่ขึ้นเวทีไปปราศรัยช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงได้อย่างไร เนื่องจากนายณัฐวุฒิ นอกจากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว ยังต้องคำพิพากษาคดีบุกรุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นองคมนตรี โดยเจ้าตัวอ้างว่าอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยการกระทำของนายณัฐวุฒิ บ่งบอกถึงการเป็นดาวเด่นของพรรคเพื่อไทย จึงเกิดคำถามว่าเป็นการชี้นำครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาเคยยื่นร้องในประเด็นดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ขณะนั้น กกต. ได้ชี้แจงว่านายณัฐวุฒิ ได้ขึ้นไปแค่สวมเสื้อของพรรคอย่างเดียว จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 28 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยเรื่องนี้ตนเทียบเคียงกรณีที่นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 2562 และสวมเสื้อของพรรค โดยไม่ได้ปราศรัยแต่อย่างใด จึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อให้ กกต. พิจารณา เพราะถ้าเกิดว่าการกระทำของนายณัฐวุฒิ เข้าข่ายผิดมาตรา 28, 29 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคต่อไป

และประเด็นสุดท้าย ขอให้ กกต. ตรวจสอบนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 ให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้พูดถึงบนเวทีปราศรัย ซึ่งพบฐานข้อมูลว่ามีประชาชนที่สามารถรับสิทธินี้ได้ 56 ล้านคน ใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท โดยการใช้ถ้อยคำว่างบประมาณกับการหาเสียงในนโยบายดังกล่าว นั่นหมายถึงการใช้งบประมาณแผ่นดินตามมาตรา 140 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งการใช้งบประมาณดังกล่าวจะใช้ได้เฉพาะกฎหมายการเงิน การคลัง ไม่สามารถใช้หาเสียงในลักษณะดังกล่าวได้ ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เลขาธิการ กกต.ต้องรับฟัง ซึ่งกรณีการหาเสียงในลักษณะนี้ทำเกินกรอบการใช้งบประมาณแผ่นดินหรือไม่

ทั้งนี้จากตัวเลขที่ใช้งบประมาณมากถึง 5.6 แสนล้าน ที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าเป็นเงินมาจากการจัดเก็บภาษี 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขงบประมาณแผ่นดินปี 2567 ที่รัฐบาลคำนวณการจัดเก็บภาษีได้เพียง 2.67 แสนล้านบาท แต่ตัวเลขการจัดเก็บภาษีดังกล่าวถูกรวมอยู่ในกรอบการจัดเก็บงบประมาณปี 2567 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่มีเงินเหลือไว้ใช้กับนโยบายดังกล่าวแล้ว

“ผมท้าให้ใครก็ได้มาถกกฎหมายงบประมาณด้วยกัน กางกฎหมายวินัยการเงินการคลัง กางรัฐธรรมนูญมาถกกัน พวกท่านเป็นกรรมาธิการงบประมาณมา 4 ปี แต่ทำไมถึงตกในประเด็นนี้ ข้อมูลที่บอกว่าจะเก็บเพิ่มได้อีกนั้นไม่ใช่ ซึ่งสำนักงบประมาณได้อธิบายเงินที่จ่ายผ่านกระทรวงต่างๆ หน่วยงานต่างๆ เป็นร้อยโครงการ ซึ่งเงินเอาไปใช้หมดแล้ว ดังนั้นกรณีกระเป๋าเงินดิจิทัลจะต้องกลับไปหรืองบประมาณใหม่ ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่รื้องบของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะรื้อได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจัดเก็บภาษีได้ตามที่พรรคการเมืองได้หาเสียงไว้” นายเรืองไกร ระบุ

นายเรืองไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยเหตุนี้จึงมองว่าผิดมาตรา 73 (5) หรือไม่ เพราะนโยบายดังกล่าวก่อนเงินจะตกไปในกระเป๋าของประชาชน จะต้องผ่านกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลก่อน แล้วหน่วยงานรัฐไหนจะรับเงินดิจิทัลตามที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธรรมนัส' รูดซิปปาก! ไม่รู้ 'วัน อยู่บำรุง' ย้ายซบพลังประชารัฐ เรื่องของบิ๊กป้อม

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณี นายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะย้ายไปสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐในวันอังคารที่ 23 ก.ค.นี้โดยระบุสั้นๆว่า ตนไม่ทราบ

มีหนาว! ‘เรืองไกร’ ร้อง ปปช. ตรวจสอบจนท.ของรัฐ 8 ราย ยื่นบัญชีและเสียภาษีถูกต้องหรือไม่

วันนี้ผมจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐรวม 8 รายดังกล่าว

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

'วิโรจน์' บอก 7 ส.ค. ผลออกมา ต้องมีคำอธิบายที่ปชช.เข้าใจได้

'วิโรจน์' บอกตามตรง 7 ส.ค. ก็แค่วันปกติ ยัน ไม่ตื่นตระหนก แต่ไม่ประมาท 'คดียุบก้าวไกล' หากผลเป็นลบ ก็ต้องตอบสังคมให้ได้ภายใต้กรอบนิติรัฐ-นิติธรรม