'อนุทิน' ไม่เข้าใจคนปล่อยภาพวงกินข้าวลั่นหากได้เสียงมากพร้อมเป็นนายกฯ

24 มี.ค.2566 - ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงถึงกรณีภาพไปทานข้าวกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึง 2 ครั้ง มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นการดีลตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกันจริงหรือไม่ว่า ไม่มี เป็นเรื่องที่พูดไปเรื่อย เฮฮา ระหว่างกินข้าวไม่ใช่เป็นการพูดอย่างเป็นทางการ พร้อมย้ำว่า คนที่อยู่บนโต๊ะอาหารไม่ควรนำเรื่องที่พูดคุยกัน ออกมาพูด เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่เป็นทางการเลย

เมื่อถามว่าในวงกินข้าวพูดจริงหรือไม่นั้น นายอนุทินระบุว่า เป็นการพูดแซวๆ บนโต๊ะอาหาร และเรื่องการเจรจาตำแหน่งนายกฯ ยังไม่ถึงเวลา และพรรคภูมิใจไทยพูดมาเสมอว่า พรรคเกรงใจพี่น้องประชาชน จะทำอะไรให้นึกถึงผลการเลือกตั้ง ดังนั้นต้องให้รับทราบผลการเลือกตั้งก่อน ถึงจะดำเนินกิจกรรม ว่าจะไปทิศทางไหน ตนเองมีความชัดเจนเสมอ

ส่วนเรื่องบนโต๊ะอาหารนั้น ถ้าพูดให้ถูกทุกคน ใครที่อยู่ในขั้วรัฐบาล ใครได้เสียง มากที่สุดก็เป็นนายกรัฐมนตรีไป เราพูดกันแค่นี้ แล้วก็หัวเราะ แต่ตนเองไม่ได้พูด มีแค่ส่ายหัว ผลกๆ แต่ที่ไป มีคนไปออกรายการ แล้วแอบอ้างเรื่องแบบนี้ ตัวเองคิดว่าเสียมารยาท

ถามว่า ส่วนเรื่อง กระแสข่าวดีล 4 พรรค จัดตั้งรัฐบาลทั้งพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา นั้น นายอนุทินกล่าวว่ายังไม่มีอะไรที่เป็นทางการ ว่าจะเอาแบบนี้

เมื่อถามถึง การวิจารณ์ว่าเดี๋ยวเข้าหาลุงตู่ เดี๋ยวเข้าหาลุงป้อม นายอนุทิน ชี้แจงว่าตนเองเรียกทั้งสองคนว่าพี่ทั้งคู่ ทั้งสองท่านอายุมากกว่า พร้อมยกตัวอย่างว่า มานั่งคุยกันหน่อย ตนจะบอกว่า พี่มาหาผมหน่อยดิ ได้หรือไม่ ด้วยวัยวุฒิ และด้วยความที่เราเคารพนับถือ ซึ่งการที่ตนไปพบท่านนายกฯ เมื่อ 11 โมงเช้าของวัน 22 มี.ค.ก็เข้าไปเพื่อกราบอวยพรวันเกิดตามประเพณีที่ดีของคนไทย ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ตนไม่อาจเดินสวน แล้วตะโกนแฮปปี้เบิร์ดเดย์ได้ แต่ต้องไปอย่างเป็นทางการ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และก็ได้เรียนท่านด้วยว่า เดี๋ยวตนจะขออนุญาตไปทานข้าวกับพลเอกประวิตร เพราะนัดกันไว้ ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เปิดเผย ซึ่งก็เป็นการกินข้าวตามปกติ

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายเนวิน ชิดชอบ จะมากินข้าวกับพลเอกประวิตรในครั้งหน้านั้น ยืนยันว่าไม่มี

เมื่อถามว่าส่วนภาพที่ออกมาถี่ขึ้นมีนัยยะทางการเมืองหรือไม่นั้น นายอนุทิน บอกว่าทำไมทุกคนต้องคิดว่าจะกินข้าวกันไม่ได้ และภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาจากคนภายในนั้น ตนก็ไม่เข้าใจ ขอให้พิธีกรสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเลิกพูดว่าตัวเองเป็นคนถ่ายเพราะไปกันแค่สามคน คือตน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ทั้งสามคนอยู่ในรูปทั้งสิ้น แสดงว่ารูปดังกล่าวไม่ได้มาจากฝ่ายตน แต่ใครจะถ่ายหรือเผยแพร่นั้น ตนไปบ้านท่าน ตนก็ไม่มีปัญหาอะไร หากซีเรียสจริงๆก็คงพูดคุยกันแล้วว่าอย่าให้มีการถ่ายภาพ แต่ตนไปตรงๆ ไม่เคยปฏิเสธ ยิ่งใกล้เลือกตั้ง เขาก็ต้องการข้อมูลของเรา เราก็ต้องการข้อมูลของเขา จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายอะไรที่เราเปิดเผยได้ เราก็จะเปิดเผย

เมื่อถามว่า ยินดีหรือไม่ที่จะให้พลเอกประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกัน ใครด้วยเสียงมากที่สุดคนนั้นเป็นนายกฯ เป็นกติกาสากล หากพรรคภูมิใจไทยได้มากที่สุด พรรคภูมิใจไทยต้องได้เป็นนายกฯ เพราะถ้าเราได้เสียงมากแล้วจะเอาตำแหน่งไปให้คนอื่น จะไปมองหน้าประชาชนได้อย่างไร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภูมิใจไทย เฮ! รอดคดียุบพรรค

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วย พ.ต.ท. ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ รองเลขาธิการ กกต. , น.ส.โชติกา แก้วผล ผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดปราจีนบุรี และคณะ ร่วมสังเกตการณ์การรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.ปราจีนบุรีและนายก อบจ.จังหวัดปราจีนบุรี ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี

'อนุทิน' ขอบคุณสื่อตั้งฉายา ภูมิใจทำประโยชน์บ้านเมือง ปัดขวางใคร อุ้ม 2 รมต.โลกลืม

'อนุทิน' น้อมรับฉายาสื่อทำเนียบฯ ลั่นภูมิใจทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่ได้คิดขวางใคร อวย 'แพทองธาร' ตั้งใจทำงาน แจงแทน 2 รมต.โลกลืม 'เพิ่มพูน' พูดน้อยแต่ผลงานอื้อ

อย่างหล่อ! ‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง ‘ทักษิณ’ ยันการกระทำสำคัญกว่าคำพูด

‘อนุทิน’  ปัดตีกอล์ฟ ‘ทักษิณ’ เคลียร์ปมขัดแย้ง ยัน ‘การกระทำสำคัญ กว่าคำพูด’  ย้ำอีแอบ ไม่ได้หมายถึงตัวเอง - ภูมิใจไทยชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงเข้าประชุมครม. 

'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ฉายารัฐบาลปี67 นายกฯ'แพทองโพย' อนุทิน'ภูมิใจขวาง' วาทะแห่งปี'สามีเป็นคนใต้'

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 'รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง' ส่วนฉายานายกฯ 'แพทองโพย' 7 รมต.ติดโผ 'บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี' พ่วง 3 รมต.โลกลืม

‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ

นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2