17 มี.ค.2566 - ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ยื่นคำร้องให้ กกต. ตรวจสอบการรับบริจาคเงินของพรรคภูมิใจไทยเข้าข่ายขัด มาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ และให้กกต.พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตามมาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โอนหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 190 ล้าน ให้ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนนั้น ไม่ได้เป็นการโอนหุ้นจริง เพราะจากการตรวจสอบนายศุภวัฒน์ ไม่มีรายได้ ไม่มีการยื่นเสียภาษี จึงถือเป็นการโอนหุ้นให้นอมินีที่เป็นพนักงานในบริษัทถือแทน โดยที่นายศักดิ์สยามยังเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว
และการที่บริษัทดังกล่าว ได้รับงานจากกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมอยู่นั้น จึงเป็นการรู้อยู่แล้ว แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้บริษัทดังกล่าวได้รับงานกว่า 104 โครงการ 1,500 ล้านบาท โดยมอบอำนาจให้นอมินี นำเงินที่ได้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทยหลายครั้ง เงินดังกล่าวจึงได้มาโดยมิชอบ ดังนั้นนายศักดิ์สยาม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จึงรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าเงินมาจากไหน ทั้งนี้การนายศักดิ์สยามและพรรคภูมิใจไทยรับเงินบริจาคจาก หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และนายศุภวัฒน์ จึงเข้ามาตรา 72 ซึ่งเปรียบเหมือนต้นไม้พิษ ผลไม้ก็เป็นพิษ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า โดยหลักฐานที่ตนยื่นให้ กกต.ในวันนี้ มีทั้งหมด 8 รายการ ประกอบด้วย บัญชีรายชื่อผู้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทย, สำเนาคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ, สำเนาการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยาม, งบการเงินของบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991), งบการเงินของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น, สำเนาโอนหุ้นของนายศักดิ์สยาม, สัญญากรมทางหลวง และรายชื่อบริษัทที่มีสถานะร้าง
ทั้งนี้มั่นใจว่าหลักฐานที่ยื่นต่อกกต.วันนี้สามารถยุบพรรคภูมิใจไทยได้ 100% จึงยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองให้ทำการตรวจสอบและให้ กกต.พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวควรที่จะต้องดำเนินการแล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามหากเรื่องดังกล่าวดำเนินการไม่ทันก่อนการเลือกตั้งหรือ กกต.มีการยกคำร้อง ตนจะเดินหน้าต่อในฐานะประชาชน โดยรณรงค์ต่อสู้ให้ประชาชนไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเชื่อว่าสามารถทำลายคะแนนของพรรคภูมิใจไทยได้เป็นกอบเป็นกำ และจะเป็นการต่อสู้ที่สนุกเพราะพรรคภูมิใจไทยจิ้มไปตรงไหนก็มีแต่หนอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการแถลงข่าว นายชูวิทย์ยังได้ชี้แจงถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยกล่าวหาว่าทำตัวเป็นศาลเตี้ย ว่าตนเป็นคนคนเดียว จะเป็นศาลเตี้ยได้อย่างไร และเรื่องของนายศักดิ์สยามฝ่ายค้านยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลเตี้ยด้วยหรือไม่ ส่วนการจะให้ผู้สมัครส.ส. 400 เขตเลือกตั้งฟ้องตนนั้น มองว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อปิดปากตนเท่านั้น โดยนายชูวิทย์ได้นำเทปกาวสีดำมาปิดที่ปาก จากนั้นนายชูวิทย์ยังได้ล้างมือโชว์ เพื่อตอบโต้กรณีพรรคภูมิใจไทยบอกว่าตนเองมือสกปรกรับงานมาจากบุคคลอื่นเพื่อทำลายชื่อเสียงของพรรค.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' กร้าว! ปมป้ายขายพาสปอร์ต ไม่รังเกียจต่างชาติ แต่ใครทำผิดต้องไล่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการปิดประกาศป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ข
ปิดดีล! 'กัญชา' จบแล้ว 'อนุทิน' เผย 'เศรษฐา' บัญชาออกพ.ร.บ.ควบคุม
ที่ทำเนียบ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังประชุมครม. ก
'สมชาย' กระทุ้ง กกต. ไล่บี้สอย สว. ที่มีลักษณะต้องห้าม
นายสมชาย แสวงการ อดีตสภาวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย มีเนื้อหาทำงาน จดหมายเปิดผนึก:ข้อเสนอสาธารณะถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของสว.กลุ่ม18 สื่อสารมวลชน และสวกลุ่มต่างๆทั้ง 20 กลุ่ม
'กรพด' ลั่น! ไม่เคยเข้าคุก ยินดีให้กกต.ตรวจสอบ เล็งฟ้องคนทำเสียหาย
ที่รัฐสภา ว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ สว.กลุ่ม18 สื่อสารมวลชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)สั่งสอบห
‘สีน้ำเงิน’กินรวบสว. ล็อก‘มงคล’นั่งประธาน ยึดเรียบปธ.กมธ.ยกแผง
จับตา 23 ก.ค.เคาะประมุขสภาสูง บ้านใหญ่บุรีรัมย์กินเรียบ ยืนตามโผเดิม "มงคล" นั่งประธานวุฒิ "บิ๊กเกรียง-บุญส่ง"
‘อนุทิน’ สั่ง กทม.เร่งสอบที่มาป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ตและสัญชาติ ย่านห้วยขวาง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ทราบถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงกรณีมีการติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน