14 มี.ค.2566- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทน รมว.คมนาคม จะเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จํากัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ซึ่งตามขั้นตอนเมื่อ ครม. อนุมัติเห็นชอบตามที่เสนอ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) จะสามารถดำเนินการลงนามในสัญญากับBEM ได้ทันทีว่า การพิจารณาเรื่องใดก็ตามในที่ประชุม ครม.จะต้องมีการกลั่นกรองในแง่กฎหมายที่มีการสงสัยจนให้ได้ความชัดเจนและตกลงกันให้ได้ก่อนในส่วนของกระทรวงผู้นำเสนอเรื่อง แล้วจึงค่อยนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ทั้งนี้ กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมีประเด็น 2 เรื่อง
คือ 1.มีความไม่แน่นอนจากกรณีมีผู้ไปยื่นเรื่องร้องต่อศาลปกครอง และ2.หาก ครม.พิจารณาเรื่องที่ยังไม่มีความชัดเจนในข้อกฎหมาย ครม.อาจมีความเสี่ยงในการพิจารณาและตัดสินใจ นอกจากนี้ ตนเห็นว่าเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม หาก ครม.อนุมัติในเวลานี้ขณะที่ยังมีข้อสงสัยของสังคมว่าโครงการดังกล่าวยังมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ความสุจริต เรื่องผลประโยชน์ สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ และทำให้คิดว่าถ้าเรามีการอนุมัติในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น จะทำให้ ครม.ทั้งคณะ รวมถึงผู้ที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะถูกตั้งข้อสงสัยจากประชาชน และหากเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาครม.ในรูปของวาระจร จะทำให้ ครม.ตอบสังคมได้ยากเช่นกัน ดังนั้น จากเหตุผลทั้งหมดนี้ ครม.จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ
นายสาธิต กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเสนอเรื่องรถไฟฟ้าสีส้มเข้าสู่ ครม.ในวันนี้ ตนยืนยันว่าจะเสนอความเห็นดังกล่าวต่อประชุมให้รับทราบ ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ จะเห็นเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ออกมาจำนวนมากในเวลานี้สีมีอยู่แล้ว ตอนนี้มันมีความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชน ความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมาย และช่วงเวลา ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ควรได้รับการพิจารณาให้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยังมีการดึงดันนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. เกรงว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวของผู้เข้าร่วมประชุม ครม.วันนี้หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ต้องแยกออกเป็น 2 เรื่อง ถ้า ครม.อนุมัติโครงการดังกล่าวแล้วต่อมาศาลปกครองพิพากษาว่าการประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย ครม.ที่เป็นผู้อนุมัติจะต้องมีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย ขณะเดียวกัน ยังมีข้อสงสัยของสังคม
เมื่อถามว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเตือน ครม.ว่า หากพิจารณาวาระนี้เป็นการทิ้งทวน จะเหมือนขาเข้าคุกข้างหนึ่ง นายสาธิต กล่าวว่า นั่นเป็นข้อมูลด้านหนึ่งที่สังคมและประชาชนให้ข้อคิด แม้จะไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมดแต่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ ครม.ต้องนำมาพิจารณาด้วย เพราะครม.มาจากนักการเมือง นักการเมืองต้องฟังเสียงของประชาชน แต่ถ้ามั่นใจว่าทำถูกต้องก็ทำได้ แต่ถ้าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนในข้อกฎหมายก็ไม่ควรลงมติให้ความเห็นชอบ ซึ่งส่วนตัวจะลงมติไม่เห็นด้วย ถ้าใครลงมติเห็นชอบก็ไปรับผิดชอบทางกฎหมายต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คปท.บุกทำเนียบฯ ยื่น นายกฯ-ครม. ค้าน ‘กิตติรัตน์’ นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ
คปท. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี คัดค้านการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ
‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที
‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44
‘สาธิต’ ถาม 2 ผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมือง ผู้นำจิตวิญญาณ จะเชื่อได้กี่โมง?
สาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และอดีตสมาชิกพรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ 'จะเชื่อได้? กี่โมงครับ'
สส.ปชป. หวดรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน 2568 ฟื้นเศรษฐกิจ
นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ
ครม. ไฟเขียวร่างพ.ร.ฎ. 2 ฉบับ แก้ปัญหาที่ดินทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ ยันไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบทบทวนร่างพระราชกฤษฎีกา โครงการอนุรักษ์ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ มาตรา 64
'เผ่าภูมิ' เผย ครม.อนุมัติโครงการสินเชื่อสร้างอาชีพ 1.5 หมื่นล้าน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงการคลังได้เสนอ 2 เรื่องเข้าสู่ที่ประชุม โดยเรื่องที่ 1.เป็นเรื่องสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ เป็นโครงการของธนาคารออมสิน ยอดวงเงิน 15,000 ล้านบาท