ปธ.ญาติวีรชนพฤษภา เขย่า 'บิ๊กป้อม' ข้องใจแผนปรองดองแค่ลิเก

ปธ.ญาติวีรชนพฤษภา’ 35 ข้องใจ”บิ๊กป้อม”จะก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างไร หากเป็นเพียงนามธรรมช่วงหาเสียงจะเป็นเพียงลิเกปรองดอง ย้อนถามรายงานปรองดองของสปช.ซุกไว้ที่ไหน  แนะให้นำเสนออย่างเป็นรูปธรรมพร้อมหนุนเต็มที่  ชูร่างพรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขของ”หมอระวี” เป็นโมเดล  เตือนหากนิรโทษสุดซอยเหมือนอดีตจะเจอวิกฤตที่จะรับมือไม่อยู่  

5 มี.ค. 2566 -นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35  อดีต กรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง   สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)     กล่าวถึงกรณี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)   ประกาศยืนยันต่อการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้จะก้าวข้ามความขัดแย้งนำสังคมไทยออกจากกับดักความคิด2ขั้ว   ว่า   แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืนและแนวทางของคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’๓๕ ผู้เสียหายจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีความมุ่งหมายอยากเห็นสังคมไทยปราศจากความขัดแย้งทางความคิด ประชาชนทุกฝ่าย มีความรักสามัคคี อยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข  แต่ก็ยังมีความข้องใจสงสัยว่า พรรคพลังประชารัฐ โดยพล.อ. ประวิตร มีความตั้งใจและจริงใจที่จะทำให้สังคมไทยเกิดความสามัคคีสมานฉันท์แค่ไหน สืบเนื่องมาจากสังคมไทยที่คณะกรรมการญาติวีรชนฯ  ได้พยายามสานต่อปณิธานที่ได้รับการสอนสั่งจากพ่อหลวง ร.9 ตลอด กว่า 30 ปี   คงต้องขออนุญาตรื้อความทรงจำเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ  พ่อหลวง ร .9   ทรงสอนสั่งว่าให้ประชาชนหันหน้าเข้าหากันทุกฝ่าย จึงเป็นเหตุให้ญาติวีรชนพฤษภาฯ อโหสิกรรมทุกฝ่าย และน้อมนำมาปฏิบัติตลอดมา จึงยอมให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สปช.   ที่มีดร.อเนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธานฯ  

นายอดุลย์ กล่าวว่า  ในปี พ.ศ 2558 คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง     ได้รับฟังและทำความเข้าใจกับผู้เสียหายทุกฝ่าย ทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ โดยศึกษาบทเรียนจากต่างประเทศด้วย แล้วทำรายงานการศึกษาและข้อเสอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง  ต่อ สปช. ในที่สุดที่ประชุม สปช. ลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์  จากนั้นประธานสปช.(นายเทียนฉาย กีระนันท์) ได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) แต่รัฐบาลคสช.โดยการนำของ “กลุ่ม3.ป.” กลับยกเลิกสปช.ไม่ต้องการให้มีการปรองดองเกิดขึ้น เพราะพวกตัวเอง ”ต้องการอยู่ยาว” เป็นเหตุให้ความขัดแย้งขยายลุกลามถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย จนสังคมไทยแตกแยกร้าวลึกไร้ทางเยียวยาจนถึงบัดนี้ 

“เมื่อ พล.อ. ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาพูดถึงความสามัคคี ก้าวข้ามความขัดแย้ง  จะออกจากกับดักความคิด2ขั้ว    คณะกรรมการญาติวีรชนฯ จึงมีความข้องใจสงสัยและไม่วางใจว่ามีความจริงใจที่จะทำตามคำมั่นสัญญาประชาคมหรือไม่  แม้ในหลักการจะเห็นด้วยและสนับสนุนก็ตาม ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความจริงใจ พล.อ.ประวิตร ต้องตอบเรามาก่อนว่า  รายงานการศึกษาและข้อเสอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง ของสปช.  ที่ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนฯ เป็นกรรมการด้วย ซึ่งประธานสปช.เสนอให้รัฐบาลแล้ว ไปซุกไว้ที่ไหน ทำไมไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะ  ไม่ใช่มาพูดเพียงเพื่อหาเสียงแล้วหลอกแกนนำผู้ชุมนุมอีกตามเคย กลายเป็น ลิเกปรองดอง ที่ไร้ความน่าเชื่อถือ  แต่หากมีความจริงใจและสามารถพิสูจน์ได้ว่าต้องการทำให้มีความสามัคคีของคนในชาติจริงๆ ญาติวีรชนพฤษภา’๓๕ ยืนยันว่าจะสนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ตามวัฒนธรรมประเพณีของไทยแต่โบราณ” นายอดุลย์ กล่าว

นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า  หากพล.อ.ประวิตร  มีความจริงใจ  จะสร้างความปรองดอง ต้องนำเสนออย่างเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ไม่ใช่แค่นามธรรมมาทำในช่วงการหาเสียง และต้องให้คำมั่นสัญญาประชาคม ของพรรคพลังประชารัฐ ต่อประชาชนทุกหมู่เหล่าว่าเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วจะดำเนินการโดยมีชักช้า โดยนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปรอง สปช.มาพิจารณา และล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2556  น.พ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ.  … ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยให้มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.49 – 30 พ.ย.65 ไม่เป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ไม่รวมถึงการกระทำความผิดฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ การกระทำความผิดตามป.อาญา มาตรา 112 และการกระทำที่ส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพื่อลดความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการปรองดอง สปช. ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคพลังประชารัฐ ควรนำไปพิจารณา  และขอเตือนว่าหากจะปรองดองโดยการนิรโทษกรรมแบบสุดซอยเหมือนในอดีต จะพบกับวิกฤตครั้งใหม่ที่พล.อ.ประวิตร จะรับมือไม่ไหวอย่างแน่นอน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัยวุฒิ' ยก 'บิ๊กป้อม' สุภาพบุรุษ ขับก๊วนธรรมนัส เหมือนหย่าเมีย

'ชัยวุฒิ' ยกย่อง 'บิ๊กป้อม' สุภาพบุรุษ เปรียบขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัส พ้นพรรค เหมือนผัวเมียไม่รักแล้วหย่ากัน จบด้วยดี ยืนยัน พปชร. ไม่แตกแยก พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อ ปชช.

ปูด 3 บอส กำจัด 'บิ๊กป้อม' พ้นวงจรการเมือง-จ้องขโมย สส.

นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ถึงขบวนการกำจัดพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พ้นจากการเมือง ว่ามี 3 บุคคล คือ 1.ผู้นำสูงสุดของพรรคเพื่อไทย

รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ

เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก

เพิ่ม'เชียงใหม่'เจ้าภาพซีเกมส์ปี68 'บิ๊กป้อม'มอบให้'บิ๊กอ๊อด' ติดตามความคืบหน้า

เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการจัดการประชุมกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 โดยวันนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้มอบหมายให้ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพฯ เป็นประธาน