'ปิยบุตร' ชำแหละ 'ป้อมโซ่ข้อกลาง' เรียกร้องคนเบื่อประยุทธ์เอือมพาพ่อกลับบ้าน หันเลือก 'ก้าวไกล'

4 มี.ค.2566 - ที่จ.ขอนแก่น​ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ภาคอีสานของพรรคก้าวไกล ที่สวนรัชดานุสรณ์ วานนี้

โดยนายปิยบุตร ระบุว่า แม้พวกเราอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ จะถูกยุบพรรคและตัดสิทธิ 10 ปี แต่เชื่อได้ว่าความรักความผูกพันที่ประชาชนมอบให้เรามายังคงอยู่ ทำให้เรายังมีความรู้สึกว่ายังเป็นผู้แทนของประชาชนเสมอ วันนี้มาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์​ หัวหน้า​พรรค​ก้าวไกล​

นาย​ปิยบุตรกล่าวต่อไปว่าในเดือน พ.ค. นี้ ประชาชนคนไทยจะได้หย่อนบัตรเลือกตั้งอีกครั้ง ซึ่งตนอยากชวนให้ทุกคนใช้บัตรเลือกตั้งในการเปลี่ยนสามสิ่งใหญ่ คือ 1) เปลี่ยนขั้วรัฐบาลให้ได้ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมายาวนานเหลือเกินไปแล้ว แต่เราต้องอย่าหลงลืมไปจำเพาะเจาะจงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์​โอชา​ เท่านั้น เพราะ 3 ป. ยังมี “ป.ประวิตร” และ “ป.ป๊อก-อนุพงษ์” ด้วย โดยเฉพาะในการเลือกตั้งรอบนี้ เราต้องจับตาไปที่ พล.อ.ประวิตร เป็นพิเศษ

ที่ผ่านมา แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์​สุวรรณ​ จะพยายามสร้างภาพว่าในการเลือกตั้งงวดนี้ ตัวเองจะมาเป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่นี่คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ไม่สามารถทำได้แน่นอน เพราะความขัดแย้งที่ผ่านมาในรอบสองทศวรรษตั้งแต่ปี 2548 มา ล้วนมี พล.อ.ประวิตรเป็นมูลเหตุหนึ่งของความขัดแย้งทั้งสิ้น ทั้งในการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 การรัฐประหารปี 2557 ต่อมาก็ได้เป็นรัฐมนตรี ได้เป็นผู้ดูแล ส.ส. ที่มาสนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกฯ สรุปเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าอยากจะกินรวบตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นเอง

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าสุดท้ายการปรองดองภายใต้ พล.อ.ประวิตร จะเป็นได้แค่การปรองดองจอมปลอมเท่านั้น เพราะการปรองดองต้องเกิดจากการยอมรับความจริง รู้ว่าต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหน แก้ปัญหาได้อย่างถูกจุด ไม่ใช่การซุกขยะไว้ใต้พรม ไล่ยิง ไล่จับขังประชาชน แล้วบอกให้เลิกแล้วต่อกัน ดังนั้น คนเดียวที่จะจัดการให้เกิดการปรองดองได้วันนี้ มีแต่ นายพิธา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสภาชุดนี้มีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญหลายครั้ง แต่ก็ต้องติดอุปสรรคตลอด โดยเฉพาะจากวุฒิสภาที่แปลงร่างเป็นผู้ออกใบอนุญาตให้แก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ล่าสุดพรรคก้าวไกลผลักดันให้ประชามติพร้อมวันเลือกตั้งก็ติดที่วุฒิสภา มาขวางการแก้รัฐธรรมนูญอีกแล้ว ทางเดียวที่เราจะจัดการเรื่องนี้ได้ ต้องเลือก ส.ส. พรรคก้าวไกลเข้าไปให้มากที่สุด ให้เกิน 250-300 ให้เกิดแรงกดดันนี้จากเสียงของประชาชนเป็นผู้ลงมติอย่างล้นหลาม ที่จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญได้แน่นอน

อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีโครงสร้างปัญหาหลากหลายเรื่องราว เต็มไปด้วยปัญหาที่หมักหมมเรื้อรังมานานตั้งแต่ปี 2548 การแก้ปัญหาที่ผ่านมาเปรียบดั่งการซื้อยาแก้ปวดมากินไปครั้งคราว ทั้งที่ความจริงจะต้องใช้การผ่าตัดใหญ่ ด้วยการแก้ปัญหาให้ถึงที่โครงสร้าง เช่น การจะกระจายอำนาจ ไม่ใช่โยนเงินให้ไปเป็นครั้งๆ แล้วจบ, เราต้องมีรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่นโยบายแจกเงินแบบครั้งคราวเดี๋ยวก็หมด, เราต้องทลายทุนผูกขาด ที่กินรวบประเทศไทยทั้งโครงสร้าง ไม่ใช่มาลดแลกแจกแถมให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กเป็นเรื่องๆ ไป และเราต้องการการปฏิรูปที่ดิน ไม่ใช่การไปเดินแจกโฉนดชุมชนทีละที่ เป็นต้น

นายปิยบุตรกล่าวต่อไป ว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลไปที่ไหนก็ถูกหาว่าไม่แตะเรื่องปากท้อง จะแก้แต่เรื่องโครงสร้าง ทั้งที่ความจริงแล้วพรรคก้าวไกลมีนโยบายเต็มไปหมด ครบวงจรทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สวัสดิการ ปากท้อง เพิ่มโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ประกอบการ เพราะเป็นเรื่องเดียวกันหมด ทั้งนี้ ตนสังเกตได้ว่าคนที่พยายามพูดอยู่เสมอ ว่าปากท้องต้องมาก่อนโครงสร้าง คือผู้ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าก้าวไกลทำทั้งเรื่องปากท้องและโครงสร้าง รู้อยู่แล้วว่ารัฐบาลทำทุกเรื่องพร้อมกันได้หมด รู้อยู่แล้วว่าโครงสร้างมีปัญหา แต่จงใจละเลยไม่พูดถึงเรื่องโครงสร้างเพราะกลัวจะเจอตอ พูดไปเดี๋ยวไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี

“นี่คือความกลัว รู้หมดว่าปัญหาอยู่ที่ไหน รู้ว่าก้าวไกลพูดทั้งสองเรื่องสัมพันธ์กัน แต่ที่ต้องบิดเบือนพูดอีกแบบก็เพราะจากก้นบึ้งหัวใจ พวกเขากลัวว่าถ้าไปแตะเรื่องโครงสร้างแล้วจะไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี คนแบบนี้จะมาอาสาเป็น ส.ส. ได้อย่างไร ผู้แทนต้องมีความกล้าหาญ โอกาสมาเมื่อไรต้องทำทันที อย่าให้ความกลัวมาบดบัง ไม่เช่นนั้นรัฐบาลมากี่ชุดก็ได้แต่กินพาราแก้ปวด แล้วก็วนมาเจอปัญหาเดิม ๆ ทุกครั้งไป” ปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าตนเห็นหน้าสื่อข่าวการเมืองวันนี้ วันๆ มีแต่ข่าวการดึง ส.ส. พรรคนั้นพรรคนี้ มีแต่การแย่งตัวย้ายกันไปมา วันก่อนอยู่ฝ่ายสืบทอดอำนาจ แค่เปลี่ยนเสื้อก็มาเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้ทันทีแล้ว การเมืองแบบนี้คือการเมืองของอดีต เลือกตั้งทีย้ายพรรคที เป็นแบบนี้มาหลายทศวรรษแล้ว ไม่ก็มีแต่เรื่องเดิมๆ ว่าจะเอาประยุทธ์หรือไม่เอาประยุทธ์ ใครจะได้กลับบ้านหรือไม่ได้กลับบ้าน นี่คือการเมืองของอดีต

ซึ่งต่างจากการเมืองแบบอนาคต ที่ต้องมุ่งมั่นไปแก้ปัญหาทั้งปากท้องและโครงสร้าง ดังนั้น ใครที่เบื่อแล้วกับการที่ประเทศไทยยังคงวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องแบบนี้ มามุ่งมั่นตั้งใจเปลี่ยนประเทศไทยไปกับพรรคก้าวไกลดีกว่า ไม่มีพรรคไหนตอบโจทย์ปัญหาที่แท้จริงของอนาคตประเทศไทยได้ สร้างการเมืองแห่งความหวัง การเมืองแห่งอนาคต ได้เหมือนอย่างพรรคก้าวไกลอีกแล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพจพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ปลื้ม ‘คนคุณภาพประชาธิปัตย์’ ได้เป็นขรก.การเมือง

เฟซบุ๊กเพจ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความว่า ครม. เห็นชอบ แต่งตั้ง “คนคุณภาพประชาธิปัตย์” เป็นข้าราชการการเมือง สังกัด ทส. และ สธ.

'เทพไท' เรียกร้องนิรโทษกรรมทุกกลุ่ม รวมคดี 112 ด้วย

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "พรบ.นิรโทษกรรม:ปรองดองจริงหรือ?" ระบุว่ากรณีนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.

ดร.เสรี ถามลั่น มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เกิดขึ้นกี่โมง?

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาอดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ทำงานไม่เป็น ไม่เห็นผลงานเชิงประจักษ์ใดๆ ที่หาเสียง

ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 45: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)

ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 อันเป็นพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร