‘บิ๊กตู่’ ป้อง ‘ไตรรงค์’ ปราศรัยหลุด เมิน ‘สมชัย’ ร้องยุบพรรค

‘ประยุทธ์’ ป้อง ‘ไตรรงค์’ ปราศรัย เมิน ‘สมชัย’ ร้องยุบพรรค มั่นใจทุกนโยบายหาเสียงทำได้ นั่งเก้าอี้นายกฯคุมงบรู้ข้อมูล ไม่สนถูกมองเกทับบลัฟ พปชร.ด้วยบัตรสวัสดิการพลัส 1 พัน บอกยังรักกันดีกับ ‘ลุงป้อม’ ตั้งเป้าประตูอีสานหวังปชช.รักสามัคคี ไม่มีจุดอ่อนจุดแข็ง  ปัด 2 มี.ค.ลงอุดรฯไม่ได้แจกเงิน อ้างเงินท้องถิ่นชงกันเอง

27 ก.พ.2566-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) เป็นครั้งแรก เพื่อสวมเสื้อให้สมาชิกพรรค ในเย็นวันเดียวกันนี้ว่า แล้วมันมีปัญหาอะไรหรือไม่ ก็เป็นการไปทำหน้าที่นักการเมืองซึ่งถือเป็นเวลานอกราชการ ทำได้มิใช่หรือก็จะเดินทางไปหลังเวลา 16.30 น. ถ้าไปในเวลาราชการไม่ได้มันผิดกฎหมาย

ถามถึงการปราศรัยของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค รทสช. ที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จะมีการกำชับอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บางครั้งท่านอาจจะเผลอพลั้งไปบ้างก็ขอโทษกันแล้วนี่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้คุยกันแล้วคุยกันมาโดยตลอด แต่บางทีก็อย่างว่าท่านไม่ได้พูดมาเสียนาน แต่ก่อนท่านก็พูดเก่งจะตายไป

“ท่านไม่มีเจตนาที่จะพูดไม่ดีหรอก ที่ผ่านมาก็บอกกันแล้วว่าจะพยายามไม่ไปพูดอะไรที่ไปยุ่งกับพรรคอื่น อย่างตนก็ไม่เคยไปว่าหรือให้ร้ายใครโดยเฉพาะเรื่องของการหาเสียงตนจะพูดเฉพาะเหตุผลอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้อะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ แต่ก็เห็นใจเขานะ ตนไม่ต้องเจอแต่ก็รู้ว่าน่าเห็นใจ”

ซักว่า การปราศรัยของนายไตรรงค์มีการเชื่อมโยงถึงสถาบันจะต้องมีการตักเตือนหรือไม่ เพราะมีผู้นำมาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องเตือนกันไป ซึ่งก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด แต่บางครั้งมันก็หลุดออกไปคนเยอะๆบางทีก็หลุด

“ผมยอมรับว่าผมก็เครียดอยู่เหมือนกัน กลัวว่าจะหลุดเหมือนกัน ผมก็ระมัดระวังอย่างที่สุดในการที่จะพูดถึงเรื่องของสถาบันของประเทศไทยของเรานั้นมันไม่น่าจะผิด ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ซึ่งเป็นสถาบันหลักของเรา ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มองว่าเขาข่ายลักษณะต้องห้ามในการปราศรัยหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ให้นายสมชัยเขาว่าไป เพราะเขาจับจ้องดูเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของศาลก็ว่ากันไป

ถามถึงนโยบายที่ชูในการปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เพิ่มสิทธิ์บัตรสวัสดิการพลัส เป็น 1,000 บาทต่อเดือน มั่นใจว่าทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องพิจารณาดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ เอางบประมาณมาจากที่ไหน ซึ่งภายในพรรคก็นำมาปรึกษาหารือกันแล้วมีหลายคนที่เกี่ยวข้องและมีความรู้ทางด้านนี้ เมื่อถามว่าหากรวมงบประมาณจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยอดทั้งหมดประมาณ 15 ล้านคน ก็อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งก็โอเคพอหาได้ เมื่อถามย้ำว่าเหมือนเป็นการเกทับพรรคอื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ ตนไม่ได้สนใจพรรคอื่น พรรคอื่นก็คือพรรคอื่นพรรคของตนก็คือพรรคของตน

เมื่อถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาก็เพราะพรรคพลังประชารัฐเสนอ 700 บาท แต่พรรครวมไทยสร้างชาติมาเสนอเป็น 1,000 บาท ถือเป็นการบลัฟกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ผมไม่ได้สน ผมไม่ได้ตั้งใจอะไรอย่างนั้น กับหัวหน้าพรรคอื่นผมก็สนิทกันดีอยู่แล้ว และรักกันดีอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของการหาเสียงซึ่งผมหาเสียงในสิ่งที่มันเป็นไปได้ ผมรู้ว่ามันบริหารอย่างไร เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องรู้กลไกและขั้นตอนของงบประมาณซึ่งต้องสนใจด้วยว่ามีอยู่เท่าไหร่ แต่ถ้าพูดปากเปล่าออกไปก็ดูสิ บางทีพอคูณตัวเลขแล้วก็ออกมาเป็นงบแสนแสนล้านบาท แล้วจะเอางบมาจากที่ไหนผมก็ไม่รู้ ผมไม่พูด”

ถามย้ำว่าแสดงว่านโยบายที่พูดออกไปมั่นใจทำได้ใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ ตอบทันทีว่า “ก็มั่นใจนั่นไง เพราะผมได้ศึกษาและมีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนที่คุมงบประมาณอยู่ การเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่พูดแบบไม่มีหลักการมันพูดออกไปได้ที่ไหนเล่า”

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่มีบางคนมองว่ามันเป็นการแจกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์เล็กน้อยว่า เขาเรียกว่ารัฐสวัสดิการมิใช่หรือ จะมาบอกว่าแจกได้อย่างไรเล่า บอกแล้วไงว่า2 อย่างที่รัฐบาลต้องบริหารคือ ความเท่าเทียมของโอกาส เราถึงได้มีถนนหนทาง เส้นทางคมนาคมมากมาย เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อย่างประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย ถือเป็นการทำต่อนโยบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทุกคนก็เข้าใจดีอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงการเตรียมลงพื้นที่ในจังหวัดอุดรธานีวันที่ 2 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นการตรวจราชการแต่จะมีการกดปุ่มจ่ายเงินให้ท้องถิ่นเพื่อเป็นการเพิ่มค่าตอบแทนให้ อบต. ด้วย  นายกฯกล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการกดปุ่ม เป็นเรื่องการทำงานต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ที่ตนทราบมีการพิจารณากันมาตั้งนานแล้ว และมาเจอโควิด 19 งบประมาณนี้เป็นงบประมาณส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องของท้องถิ่นพิจารณาขึ้นมา มีสภาในการพิจารณาจะได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับการนำเสนอขึ้นมา กระทรวงมหาดไทยก็ต้องดำเนินการตามนั้น เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ไปครั้งนี้นายกฯจะอนุมัติเลยใช่หรือไม่ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ มันก็ขึ้นอยู่กับสภาท้องถิ่นของเขาว่าเห็นชอบหรือไม่ ไม่ใช่ว่าท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง แต่สภาท้องถิ่นจะต้องเป็นผู้อนุมัติในภาพรวมเพราะจะต้องนำเงินมาถัวเฉลี่ยกันด้วย เพราะเงินในแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน ถ้าตั้งให้เท่ากันรายได้ทุกจังหวัดจะต้องเท่ากัน แต่เมื่อไม่ได้ก็ต้องเอางบทั้งหมดมาดูเพื่อจะได้แบ่งปันกัน หลักการทำอย่างนี้อยู่

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าที่ผ่านมานายกฯลงพื้นที่เปิดประตูทั้งภาคใต้และอีสานไปแล้วประเมินอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่รู้ จะให้ประเมินอะไร ตนก็ทำงานของตนไปและพูดข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบ และขอความร่วมมือจากประชาชน วันนี้คนประเมินมีเยอะอยู่แล้วสื่อมวลชนก็ประเมินกันเยอะ ตอนเย็นดูทุกวัน ดูได้หน่อยก็ไม่อยากดูแล้ว เมื่อถามย้ำว่าการเปิดประตูสู่อีสานตั้งเป้าไว้อย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การตั้งเป้าคือการทำให้ประชาชนเขารักกัน มีความสามัคคีกัน และพัฒนาพื้นที่ทุกภาคให้เจริญเติบโตมีรายได้ที่ใกล้เคียงกัน ส่วนหนึ่งคือการดูแลผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะเรื่องของความเป็นธรรมตนพูดมาหลายครั้งแล้วก็ต้องไปดูเขาบ้าง เรื่องเหล่านี้อยู่ในส่วนหนึ่งของรัฐสวัสดิการในการดูแลคนทุกกลุ่มมากน้อยก็ต้องว่ากันไป ไม่ใช่จะเสนอให้กันมากๆแล้วทำไม่ได้ ระบบงบประมาณล้มเหลวทั้งหมดแล้วจะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองกันว่าเปิดประตูสู่อีสานเป็นจุดอ่อนของพรรครวมไทยสร้างชาติพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่มีจุดอ่อนจุดแข็งอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้สนใจตรงนั้น ผมสนใจที่ประชาชนของเราทั้งประเทศ”

เมื่อถามว่าในการปราศรัยที่โคราช เห็นมีเก้าอี้ว่างเยอะ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า เก้าอี้ที่ไหน พร้อมชี้แจงว่า เก้าอี้มันว่างตอนเย็น เพราะประชาชนส่วนหนึ่งเขากลับบ้าน เขามาตั้งแต่บ่ายแล้ว เมื่อถามว่าจะต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการขึ้นเวทีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อมวลชนก็ไปช่วยเขาหน่อยสิ ช่วยเสนอให้มีการปรับกันหน่อย เรื่องแบบนี้ใครพูดก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯหรอก ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คงไม่จำเป็นต้องให้พระเอกออกช่วงหลังสุดเพราะคนจะไม่รอฟังพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เราพูดทุกวันอยู่แล้วนี่ ความจริงวันนั้นตนก็ไปและพร้อมตั้งนานแล้ว พอดีไปเจอกับคนที่มาต้อนรับอีกที่หนึ่งเลยคุยกับเขานานหน่อย และก็เห็นว่าข้างบนเขาก็หาเสียงกันอยู่   ก็ค่อยๆปรับกันไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อพล.อ.ประยุทธ์พูดมาถึงตรงนี้ได้หันไปไอหลายครั้งพร้อมระบุว่าเจ็บคอเมื่อถามย้ำว่าจะมีการปรับกลยุทธ์บนเวทีปราศรัยให้น่าสนใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า อะไรล่ะที่จะทำให้น่าสนใจเสนอมาซิ เมื่อถามย้ำว่าพระเอกไม่จำเป็นต้องขึ้นที่หลังก็ได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ใครเป็นพระเอก ผมไม่ได้เป็นพระเอก  ทุกคนเป็นพระเอกทั้งหมดทุกอย่างมันต้องไปด้วยกัน นายกฯคนเดียวจะเก่งคนเดียวได้อย่างไรเล่า นี่คนอื่นเขาเก่งไปด้วยสิ

“วันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างให้เข้าระบบให้ได้ วันข้างหน้าก็ต้องมีการทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคให้เข้าใจในระบบงบประมาณ ซึ่งผมไม่ขัดข้องอยู่แล้ว และไม่ใช่แค่พรรคที่สนับสนุนผม แต่ทุกพรรคในวันข้างหน้าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำแบบที่ผมทำ และไม่มีใครทำได้ตามใจทั้งหมด เพราะมันมีกฎหมายและระเบียบทุกตัว จะอนุมัติอะไรนายกฯมีอำนาจเด็ดขาดการนำเข้าพิจารณาในครม. แต่ทุกอย่างครม. ต้องอนุมัติด้วยกัน และนายกฯต้องฟังสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง ว่างบประมาณเหลืออยู่เท่าไหร่ เราจะใช้จ่ายเกินเลยไม่ได้เพราะจะกระทบต่ออย่างอื่นด้วย “

เมื่อถามว่า วันที่ 15 มี.ค.นายกฯจะลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดพัทลุงใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงเป็นเช่นนั้นเดี๋ยวคณะทำงานเขาจะเสนอแผนขึ้นมา ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งปกตินายกฯก็ไปทุกจังหวัดอยู่แล้ว ในฐานะนายกฯก็ไปได้ทุกที่ ไม่ได้ไปหาเสียงไม่ได้ไปในนามพรรค แต่ถ้าไปหาเสียงก็ไปในงานของพรรคอย่างที่ไปโคราช ไปในนามพรรคก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รัฐสภา' ไม่มีอำนาจรับรองวุฒิการศึกษา ปัดก้าวล่วงคุณสมบัติ สว.

'อาพัทธ์' โต้ 'สมชัย' รัฐสภาไม่มีอำนาจตรวจสอบ-รับรองวุฒิการศึกษา เผยต้องคุยฝ่ายกฎหมายก่อนเอาผิดได้หรือไม่ ปัดก้าวล่วงคุณสมบัติ สว.

รองโฆษก รทสช. ยกเหตุลอบสังหารทรัมป์ สิ่งที่สังคมไทยไม่ควรใช้เป็นแบบอย่าง

ผมขอประณามการใช้ความรุนแรง ในที่เพนซิวาเนีย ...ในฐานะคนที่อยู่อเมริกานานพอควร การใช้สิทธิเสรีภาพ เหนือร่างกายและชีวิตผู้อื่น จนมีผู้เสียชีวิตโดนลูกหลง1ราย เป็นสิ่งที่สังคมไทย ไม่ควรใช้เป็นแบบอย่าง

รทสช. จัดโครงการ 'เลือดรวมไทย' บริจาคโลหิต 72,000 ซีซี ถวายเป็นพระราชกุศล

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ส