“วิษณุ” ถก “ผบ.ตร.” เตรียมแจงสภาฯ ปมออกพ.ร.ก.อุ้มหาย ต้องเลื่อนใช้บางมาตรา ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามซ้อมทรมานฯ เมิน ฝ่ายค้านจ้องล้มกฎหมาย หวังเห็นรัฐบาลลาออก เหตุ รบ.เลือกยุบสภาอยู่แล้ว
24 ก.พ.2566 - เมื่อเวลา 15.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง และหนึ่งในนั้นมีเเรื่องพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งให้สภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และสภาฯได้บรรจุอยู่ในวาระการพิจารณาที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ก.พ.นี้ จึงต้องมาเตรียมการเพื่อที่ ผบ.ตร.จะต้องไปร่วมชี้แจงด้วย ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องเล็กน้อย และไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องข้อมูลต่างๆ จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพราะตนไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับการพูดคุยในวันนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ก.ดังกล่าวเพราะต้องเสนอสภาฯ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แม้การประชุมสภาฯ เป็นวันสุดท้ายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ เป็นวันปิดสมัยประชุม ก็ไม่เป็นไร เมื่อ พ.ร.ก.นี้ออกมาแล้ว รัฐบาลต้องส่งสภาโดยเร็ว แม้จะปิดสมัยประชุมไปแล้ว ก็ต้องออกพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ โดยพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ รัฐบาลมีร่างกฎหมายสำคัญอะไรค้างอยู่บ้างหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเปิดไม่ทันจะไปเจอกับการยุบสภา เนื่องจากเวลาจะเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ต้องนำพระราชกฤษฎีกาประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วจะไปอธิบายอย่างไร เพราะมือซ้าย ส่งพระราชกฤษฎีกาขอเปิดประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ มือขวาขอให้ยุบสภา แล้วจะให้มีการลงนามอะไรก่อน-หลัง เป็นเรื่องลำบากในแง่ปฏิบัติ
เมื่อถามว่า การพิจารณาร่างพ.ร.ก.ดังกล่าว รัฐบาลมีความกังวลใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า กังวลว่าองค์ประชุมจะไม่ครบ แล้วล่ม แต่ถ้าล่ม ก็ไม่เป็นไร แต่กลัวว่าถ้ามีการล้มพ.ร.ก.นี้จริง ก็จะตกไป และเหตุที่ตนกลัว เป็นเพราะ ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมาประชุมสภาฯ บางคนคิดว่าเป็นวันสุดท้าย จะไม่มีการประชุมแล้ว โดยส.ส.ฝ่ายค้านที่เตรียมจะล้มพ.ร.ก.ฉบับนี้อยู่นั้น นัดกันมาพร้อมเพรียง แต่ฝ่ายรัฐบาลอาจไม่พร้อม
ถามอีกว่า ถ้าไม่สามารถพิจารณา พ.ร.ก.ดังกล่าวได้ แล้วตัว พ.ร.บ.ที่ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว จะมีปัญหาในการบังคับใช้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ มีหลายมาตรา และมาตราสำคัญต่างๆไม่ใช่มาตราที่ถูกเลื่อนวันบังคับใช้ ส่วนมาตราที่ถูกเลื่อนนั้นคือมาตราที่ 22, 23, 24 และมาตรา 25 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบันทึกกล้องด้วยภาพและเสียงในการจับกุมไว้ตลอด แล้วเก็บไว้ตลอดจนคดีหมดอายุความ ตรงนี้ถ้าไม่มีการเตรียมการให้ดี จะไปหากล้องจากไหน และจะเก็บภาพอย่างไร แล้วจะส่งเข้าระบบคลาวด์อย่างไร เพราะเวลาคดีขึ้นสู่ศาล หลังจากจับกุมไป 2 ปี จำเลยอาจมีสิทธิ์บอกกับศาลได้ว่าวันที่มีการจับกุมนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการบันทึกภาพไว้ จึงอ้างว่าเป็นการจับกุมโดยไม่ชอบ ศาลก็จะต้องสั่งให้เรียกดู จึงต้องมีแหล่งจัดเก็บข้อมูล
ส่วนมาตราอื่นๆ ยังถือว่าศักดิ์สิทธิ์และดี เช่น เวลาจับ ให้มีการบันทึกภาพ เวลาอุ้ม ห้ามฆ่า ห้ามทรมาน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนวันใช้ พ.ร.บ.ก็ให้นำกฎหมายฉบับนี้ไปใช้โดยอนุโลม มาตราเหล่านี้ ไม่มีการยืดเวลาเริ่มวันบังคับใช้ แต่ยืดกำหนดเวลาเฉพาะมาตรา 22 ในเรื่องการคุมตัวผู้ต้องหา โดยผู้ที่จับกุม ไม่ใช่เฉพาะแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งผู้ที่ไปดำเนินการควบคุมตัว ต้องมีการบันทึกภาพและเสียง
รองนายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ ครมฦได้มีการอนุมัติงบประมาณ 444 ล้านบาท ในการจัดซื้อกล้องบันทึกภาพ โดยวิธีประมูลอี-บิดดิ้ง ซึ่งต้องมีการออกระเบียบ จึงให้ขยายเวลาไปเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ซึ่งเป็นช่วงที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายมาตราดังกล่าว ส่วนมาตราอื่นๆยังใช้เหมือนเดิม แต่ถ้าไม่เลื่อน ก็จะไปติดกับมาตรา 22 เรื่องการถ่ายภาพการจับกุม และยังมีมาตราอื่นที่ระบุด้วยว่าเรื่องใดที่เกิดก่อน ให้นำ พ.ร.บ.ไปใช้ ก็จะเกิดข้อถกเถียงกันว่าที่ได้มีการจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้วไม่มีการบันทึกภาพนั้น จะทำอย่างไร เพราะต้องมีการบันทึกภาพไว้ตลอดตั้งแต่การจับกุมและควบคุมตัวจนไปถึงการส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน โดยสิ่งเหล่านี้ต้องมีการซักซ้อมและไม่มีระเบียบปฏิบัติ แต่ในวันนี้ยังไม่มี
ถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมจะล้มร่างกฎหมายฉบับนี้ ถ้าล้มรัฐบาลต้องลาออกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตามหลัก ถ้ากฎหมายที่เสนอรัฐบาลไม่ผ่าน รัฐบาลต้องลาออก แต่อย่าลืมว่ามี 2 ทางเลือกคือ รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา โดยสมัยรัฐบาลของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ออก พ.ร.ก.เก็บภาษีน้ำมันเบนซินดีเซล แต่ปรากฏว่าไม่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสภาฯ พล.อ.เปรม เลือกที่จะยุบสภา และครั้งนี้ ถ้าพ.ร.ก.ดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบรัฐสภา รัฐบาลก็เลือกจะยุบสภา เพราะตั้งใจว่าจะยุบอยู่แล้ว และการจะยุบนั้นไม่ยาก
แต่ปัญหาที่จะตามมาคือ ถ้า พ.ร.ก.นี้ไม่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสภา ตำรวจจะต้องกลับมาใช้วิธีการบันทึกเทป โดยที่ยังไม่มีความพร้อม ซึ่งจะเกิดปัญหาดังกล่าวทั่วประเทศ เพราะคดีที่มีการจับกุมมาแล้ว อาจต้องปล่อยผู้ต้องหาเป็นหมื่นเป็นแสนราย เพราะตำรวจก็จะไม่กล้าจับกุม ถ้าไม่มีการบันทึกภาพ เนื่องจากเกรงว่าจะมีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ปชน.' ตีปี๊บ! 1 ปีฝ่ายค้านผลงานเพียบ เมินเรตติ้งร่วง โต้ฮั้ว พท.
'พรรคประชาชน' โวผลงานฝ่ายค้าน 1 ปี' เสนอกฎหมาย 84 ฉบับ ตั้งเป้าทำงานผสมผสานได้ทั้ง 'รุก-รับ' ปัดฮั้ว 'เพื่อไทย' เมินผลโพลคะแนนร่วง เปรียบ 'เตะบอล' ต้องรอจบ 90 นาที
'ดร.ณัฏฐ์' นักกฎหมายมหาชน ฟันธงตัวแปรรัฐบาลชิงยุบสภา ยังไม่เกิด
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกระแสข่าวฐบาลมีโอกาสชิงยุบสภา จะเกิดขึ้นก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ฟังพี่นะ 'เทพไท' สอนพรรคส้ม รีบปรับตัวหลังคนไม่เชื่อมั่นในบทบาทฝ่านค้าน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" พรรคส้ม ฟังทางนี้ วันนี้ขออนุญาตวิเคราะห์ผลการสำรวจ “นอร์ทกรุงเทพโพล” มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
อึ้ง! ปชช. 57% ไม่เชื่อมั่นฝ่ายค้าน 'ไหม' โดดเด่นสุด 'เท้ง' รั้งอันดับ 9 'ป้อม' บ๊วย
โพลชี้ 'ศิริกัญญา' โดดเด่นสุด สส.ฝ่ายค้าน แซง 'หัวหน้าเท้ง' อยู่อันดับ 9 ตามคาด 'ลุงป้อม' รั้งท้าย อึ้ง! ประชาชนไม่เชื่อมั่นการทำงานฝ่ายค้านกว่า 57%
'ภูมิธรรม' ชี้ 'นิรโทษกรรม' จบแล้ว! หลังสภาโหวตคว่ำข้อสังเกต กมธ.
นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสภาผู้แทนราษฎรรับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางการตรากฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง
'เพื่อไทย' เช็กชื่อ สส.ก่อนโหวตตามที่สั่งไว้!
'ชูศักดิ์' แจ้ง สส.พรรค ครม.มีมติเสนอ กม.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ประกบฝ่ายค้าน ขณะที่ 'วิสุทธิ์' ขอสมาชิกอยู่เป็นองค์ประชุมก่อนปิดสมัย เหตุมีโหวตเรื่องสำคัญ