บุก EEC พรุ่งนี้ 'บิ๊กตู่' ลงพื้นที่ภาคตะวันออก คนเมืองจันท์-ระยอง เตรียมตัว

แฟ้มภาพ

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.จันทบุรี-จ.ระยอง 22 ก.พ. นี้ ตรวจติดตามการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล พร้อมรับฟังปัญหาพื้นที่ทับซ้อนเขต อ.เมืองจันทบุรี-ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน รพ.พระปกเกล้า-เปิดงานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023

21 ก.พ.2566- นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการที่จะเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง ในวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่ ทั้งการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งอย่างเป็นระบบทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงพยาบาลพระปกเกล้า และรับฟังปัญหาพื้นที่ทับซ้อนเขต อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี พร้อมเป็นประธานเปิดงานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023 จังหวัดระยอง ตามนโยบายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีมีภารกิจตามกำหนดการ ดังนี้

เวลาประมาณ 07.15 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. ไปยังจุดจอด ฮ. กองพันทหารราบที่ 2 ค่ายตากสิน ต.วัดใหม่ อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี เพื่อเดินทางไปพบปะประชาชน รับฟังปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอำเภอแหลมสิงห์ ณ วัดเขาตาหน่วย ต.เกาะเปริด อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี พร้อมทั้งตรวจพื้นที่บริเวณบ้านประชาชนที่ได้รับผลกระทบการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เพื่อวางแผนบริหารจัดการชายฝั่งที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ภายใต้การบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นระบบ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังโรงพยาบาลพระปกเกล้า ต.วัดใหม่ อ.เมืองจันทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงพยาบาลพระปกเกล้า ชึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักของจังหวัดจันทบุรี และมีศูนย์ความเป็นเลิศด้านมะเร็ง ที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูงในสาขาโรคมะเร็ง มีศักยภาพเป็นอันดับ 7 ของประเทศไทย ก่อนเดินทางต่อไปยังวัดโค้งสนามเป้า ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี เพื่อพบปะประชาชนและรับฟังปัญหาพื้นที่ทับซ้อนเขตอำเภอเมืองจันทบุรี

ต่อจากนั้นในช่วงบ่ายเวลาประมาณ 14.30 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023 ณ สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดระยอง ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง เพื่อกระตุ้นทุกภาคส่วนร่วมมือกันพัฒนายางพาราไทยให้ก้าวไปไกลไปสู่นวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อคนไทยทุกคน และส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐบาล พร้อมเป็นสักขีพยานในโอกาสการลงนามการจับคู่ธุรกิจ โดยบันทึกความร่วมมือในการทำธุรกิจร่วมกันในประเทศไทย และเยี่ยมชมนิทรรศการการประยุกต์และพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรอุตสาหกรรม ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

สำหรับจังหวัดจันทบุรีถือเป็นจังหวัดที่มีจุดเด่นและศักยภาพที่สำคัญ ได้แก่ เป็นแหล่งผลิตและแปรรูปสินค้าการเกษตรที่มีบทบาทและความสำคัญของประเทศ โดยปี 2563 จังหวัดจันทบุรีมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร 80,165 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 56.2 ของผลิตมวลรวมจังหวัด และร้อยละ 5.9 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรของประเทศ) ซึ่งสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่สำคัญของภาคตะวันออก ซึ่งมีความโดดเด่นด้านความหลากหลายของวัฒนธรรม ประเพณี และศาสนา และมีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นของพื้นที่ที่ชัดเจน

อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดได้ตลอดทั้งปี เช่น ประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ (พระบาทพลวง) โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ชุมชนริมน้ำจันทบูร อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว หมู่บ้านไร้แผ่นดิน หาดเจ้าหลาว หาดคุ้งวิมาน พร้อมทั้งมีศักยภาพในการพัฒนาการค้าชายแดนที่สามารถเชื่อมโยงการผลิต การท่องเที่ยว และการค้าระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจังหวัดจันทบุรี มีมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น จาก 28,011 ในปี 2563 เป็น 29,873 ล้านบาทในปี 2564 โดยมีจุดผ่านแดนถาวร 2 จุด ได้แก่ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อีกทั้งมีจุดผ่อนปรนบ้านซับตารีที่มีศักยภาพซึ่งสามารถยกระดับไปสู่การเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์กลางการซื้อขายอัญมณีแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งสามารถสนับสนุนและยกระดับให้จังหวัดจันทบุรีก้าวสู่การเป็นเมืองอัญมณีแห่งอาเซียน

ขณะที่จังหวัดระยองก็มีศักยภาพและบทบาทที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยปี 2563 จังหวัดระยองมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดสูงเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ (857,191 ล้านบาท) รองจากกรุงเทพมหานคร และจังหวัดชลบุรี รวมทั้งเป็นฐานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ โดยเป็นจังหวัดหนึ่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่เป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายประเภท ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นฐานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ อีกทั้งเป็นแหล่งที่ตั้งของบริษัทหรือโรงงานผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจำนวนมาก เช่น บริษัทในเครือโกลว์ กรุ๊ป บริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี

นอกจากนี้ เป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) และเป็นพื้นที่แรกในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม SMART PARK ในการรองรับอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงมีโครงการสำคัญต่าง ๆ ที่สนับสนุนการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจของจังหวัดระยองและประเทศ เช่น นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โครงการเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ระยะที่ 3 โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เชื่อมโยง 3 สนามบิน โครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EECi อีกทั้งเป็นแหล่งทำการเกษตรที่สำคัญของภาคตะวันออก โดยเป็นพื้นที่ผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง โรงงานไก่เนื้อ สุกร รวมทั้งผลไม้ และมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลซึ่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ได้แก่ เกาะเสม็ด เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯตื่น! สั่ง'กสศ.' อัดฉีดเงินช่วยเหลือเด็กนักเรียนหลุดจากระบบ

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคั

'อนุทิน-ผบ.ทบ.' ลงชายแดนใต้ ให้กำลังใจส่วนงานศึกษาขับเคลื่อนพื้นที่สันติสุข

พันตรีหญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก ทบ เปิดเผยว่า พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบกร่วมคณะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ

'เศรษฐา' สั่งล้อมคอก! แก้ไขปัญหาเด็ก 1.02 ล้านคนหลุดระบบการศึกษา

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยความห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต่ออนาคตของเยา