รายงาน'กมธ.' ชำแหละ 'เนื้อหาอันตราย' สอดไส้ทำประชามติ

แฟ้มภาพ

วุฒิสภา นัดพิจารณารายงานก่อนโหวต ญัตติเสนอ ครม.ทำประชามติ ยกร่างรธน.ใหม่ 21ก.พ.นี้ “สมชาย” เผยรายงานกมธ.ไม่ชี้นำการโหวต แต่พบเนื้อหาไม่ชัด ห่วงกระทบการปกครอง

19 ก.พ.2566 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่ง คณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ได้มีมติให้บรรจุเรื่อง การพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในญัตติขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการ ทั้งนี้ก่อนการลงมติดังกล่าว ที่ประชุมวุฒิสภา จะต้องพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญพิจารณาญัตติดังกล่าว ที่มีนายสมชาย แสวงการ ส.ว. เป็นประธานกมธ.ก่อน

โดยสาระสำคัญของรายงานกมธ.ฯ ที่เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งระบุไว้ในส่วนของบทสรุปผู้บริหาร ระบุว่า ตามที่สภาฯ พิจารณาและลงมติเห็นชอบกับญัตติที่มีสาระให้ส่งเรื่องต่อครม. เพื่อดำเนินกาารตามที่สภาฯ มีมติในการออกเสียงประชามติเกี่ยวกับความเห็นของประชาชนต่อการจัดการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมคำถามประชามติแนบท้าย คือ “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน” นั้น จากการศึกษาของกมธ.  พบจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือการทำประชามติเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่่งกรณีดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรรัฐ กระทบต่อหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ สิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงอัตลักษณ์สำคัญของชาติ และคุณค่าร่วมกันของสังคมไทยที่พึงปกป้องรักษาไว้

การศึกษาของกมธ.ได้กำหนดกรอบการพิจารณา และสรุปผลศึกษาได้คือ 1.พิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เห็นว่าการพิจารณาความเหมาะสมของรัฐธรรมนูญ สิ่งสำคัญคือเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ หากมีประเด็นที่ควรแก้ไข สามารถใช้วิธีแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสม ไม่ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นอกจากนั้นในเหตุผลที่เสนอต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะมีที่มาจากการรัฐประหาร ไม่ถือเป็นเหตุผลอันสมควรที่จำจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ส่วนประเด็นคำถามประชามติที่ไม่ได้ระบุขอบเขตจัดทำไว้ชัดเจนเพียงพอ อาจกระทบหลักการปกครอง  โดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือการเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว รวมถึงโครงสร้างสถาบันทางการเมือง ความมั่นคงของรัฐ สิทธิเสรีภาพของประชาชน การตรวจสอบถ่วงอุลการใช้อำนาจรัฐ ขณะที่กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญต้องกำหนดความชัดเจนที่เป็นหลักประกันว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่สามารถตอบสนองความต้องการสังคมและประเทศ รวมถึงสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน

2.ประเด็นญัตติและคำถามประชามติ กมธ.เห็นว่าญัตติด่วนของสภาฯ อาจขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564ที่กำหนดให้อำนาจรัฐสภาเป็นผู้มีหน้าที่และอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ  ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับ ส.ส.ร. ดังนั้นการออกเสียงประชามติจึงปรากฏองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญที่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนด

“ญัตติของสภาฯ ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การเสนอให้ ครม. พิจารณาให้มีการออกเสียงประชามติ เนื่องจากเป็นการตั้งคำถาม ที่ไม่มีสาระซึ่งแสดงถึงความบกพร่องในเนื้อหา เหตุจำเป็นวิธีการทำรัฐธรรมนูญใหม่แทนแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ขณะที่แนวทางจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ชัดเจนเพียงพอให้ประชาชนเข้าใจเนื้อหาสำคัญได้โดยสะดวก” รายงานของกมธ.ระบุ

3.ประเด็นการออกเสียงประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป กมธ.เห็นว่า แม้กฎหมายไม่มีข้อห้าม แต่เมื่อพิจารณาถึงระยะเวลาและสถานการณ์ปัจจุบัน โอกาสเกิดขึ้นจึงเป็นไปได้น้อย เพราะตามขั้นตอนกฎหมายเจ้าหน้าที่ที่จัดการเลือกตั้งและออกเสียงประชามติต้องเป็นไปตามกฎหมายที่แตกต่างกัน

4.ประเด็นผลกระทบและการดำเนินการภายหลังออกเสียงประชามติ กมธ. ระบุว่าการออกเสียงประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมีการรออกเสียงประชามติไม่น้อยกว่า2 ครั้ง ต้องใช้งบรวมกันไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท  หากประชานเห็นชอบกับคำถามประชามติ ต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยกร่างรัฐธรรมนูญอีกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท  ดังนั้นเป็นจึงเป็นภาระทางงบประมาณแผ่นดินที่มาจากเงินภาษีประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากมธ.มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะประกอบการพิจารณาของวุฒิสภา  อีกว่า ญัตติขอให้ทำประชามติ ขาดสาระสำคัญชัดเจนเพียงพอต่อเรื่องที่จะขอทำประชามติ, คำถามประชามติมุ่งหมายถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนฉบับปัจจุบัน โดยส.ส.ร. ก่อให้เกิดการตีความหลายนัย เช่น องค์ประกอบของส.ส.ร. อำนาจ หน้าที่ หรือ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรง  ทั้งที่การเลือกตั้งไม่ทราบวิธีที่ชัดเจน, คำถามประชามติเกี่ยวกับการเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้นซับซ้อนและต้องทำความเข้าใจจำนวนมาก หน่วยงานจึงควรมีเวลาเพียงพอต่อการทำความเข้าใจ


ทั้งนี้นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่าการศึกษาของกมธ. ไม่มีการชี้นำต่อการลงมติของส.ว. ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นี้ อีกทั้งยืนยันว่าการศึกษาของกมธ. เป็นการศึกษาทางวิชาการที่ศึกษาแล้วอย่างรอบด้าน  ที่เป็นกลาง และพร้อมที่จะให้ทุกหน่วยงานนำไปพิจารณาประกอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญในอนาคต. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กมธ.ประชามติ เตรียมเชิญ 'ปณท-กกต.' ถกออกเสียงประชามติผ่านไปรษณีย์

นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ ให้สัมภาษ

'ธนกร' หนุนถอยคนละก้าว ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากชั้นครึ่ง สส.-สว.ถกร่างประชามติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังการประชุมทั้งกมธ. สส.และสว. ที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเรื่องสว.ยืนกรานทำประชามติ 2 ชั้น แต่สส.เห็นควรปรับให้กึ่งกลางเหลือแค่ชั้นครึ่ง

'นิกร' เสนอถอยคนละก้าว ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากชั้นครึ่ง สส.-สว.เห็นต่างประชามติ

นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ (ฉบับที่ … ) พ.ศ. … กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ให้ทั้งกมธ. สส.และสว. ได้แสดงความคิดเห็น ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ยังยืนเหมือนเดิมเกี่ยวกับผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียง ซึ่งฝ่ายสว.ยังคงยืนยันที่จะใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น

'พริษฐ์' เผยขอเข้าพบ 3 บุคคลสำคัญ หาทางออกจัดทำรธน.ฉบับใหม่ ให้ทันเลือกตั้งครั้งหน้า

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...ว่า ต้องรอดูว่า กรอบเวลาพิจารณาร่างดังกล่าว