สภาที่ 3 เปิดเวทีชำแหละ ส.ว.-ประยุทธ์


26 ม.ค.2566 - ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมจัดเวทีอภิปรายสภาที่ 3 ในหัวข้อการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ โดยมี นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง มหาวิทยาลัยรังสิต ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมอภิปราย

นายอดุลย์ เปิดการอภิปรายว่า วันนี้หลายพรรคการเมืองเริ่มมีนโยบายปรองดองเพื่อสร้างสันติสุขให้บ้านเมืองจากความขัดแย้งที่ผ่านมา เพื่อเป็นทางออกจากความรุนแรง ปัจจุบันหลายพรรคการเมืองแข่งขันทางนโยบายมากขึ้นรวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติเอง ในอนาคตควรส่งเสริมให้เกิดประชาธิปไตยทางตรง เพราะบ้านเมืองควรจะเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่ถอยหลังแบบในปัจจุบัน

ตนไม่อยากให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจต่อไป เพราะหลอกลวงประชาชนมาโดยตลอด แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะสั่งสอนพวกเขาเอง โดยประชาชนควรมองไปที่นโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ในการเลือกที่ถูกต้อง ไม่ใช่บุคคลที่อ้างว่าเป็นคนดีแต่มีตำหนิและชำรุดแล้ว

ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวว่าไม่อยากให้สังคมไทยมีความทรงจำสั้นทางการเมือง ผู้มีอำนาจที่เติบโตมาจากอำนาจนิยมมักคิดเอาเองว่าประชาชนยังไม่แข็งแรง เขาจึงออกแบบการเลือกตั้งเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และคัดเลือกคนของตนเองและกฎหมายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตาม โดยเฉพาะปัญหาของ ส.ว.ในปัจจุบันที่ถูกแต่งตั้งมาออกแบบการเมืองไทย ซึ่งเป็นการดูถูกประชาชน

ที่ผ่านมาตนเคยร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ แต่ก็ถูกคว่ำอย่างบรรจงจากวุฒิสภา ประเด็นนี้สังคมไทยควรตั้งคำถามอย่างกว้างขวางว่าเหมาะสมหรือไม่และสมควรยกเลิกได้แล้วหรือยัง การรัฐประหารในอดีตถูกออกแบบโดยตะวันตกโดยอ้างว่ารัฐประหารเพื่อประชาธิปไตย แต่เรื่องนี้ถูกลบล้างในทางปฏิบัติเพราะเป็นเครื่องมือมหาอำนาจและผู้รัฐประหารมักออกแบบกฎหมายใหม่เพื่อผลประโยชน์ทางอำนาจของตนเอง โดยเฉพาะประเทศไทยที่บั่นทอนประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง

"ส.ว. จะหมดอายุในกลางปี 2567 ที่มีอำนาจเลือกนายกฯ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญอะไรอีกบ้างเพื่อรักษาอำนาจ ซึ่งนักวิชาการควรเป็นแสงไฟสว่างของสังคมออกมาติดตามและวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเมืองไทยมีฉันทามติที่ชัดเจน และขึ้นกับเจตจำนงค์ของประชาชนอย่างแท้จริง"

ขณะที่ ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า คำถามพ่วงในการประชามติรัฐธรรมนูญ 2560 ให้เลือกนายกฯ จากที่ประชมรัฐสภาเป็นการแอบแฝงคำถามเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ คสช. เป็นนายกฯ ต่อ เพราะการให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ไม่เคยมีมาก่อนในการเมืองไทย ทำให้ ส.ว.ที่ คสช.เลือกมากลับมาเลือกตนเองเป็นนายกฯ ต่อไป

โจทย์ให้ ส.ว.เลือกนายกฯ เคยมีตั้งแต่ปี 2534 ที่อาจารย์มีชัย ฤชพันธ์ ก็เคยยัดไว้เพื่อให้คณะรัฐประหาร รสช. สืบทอดอำนาจแต่ทำไม่สำเร็จ ในปี 2534 แต่มาสำเร็จในปี 2560 โดยครั้งนี้ทำสำเร็จโดยแอบยัดซ่อนไปในคำถามพ่วงในการประชามติ ซึ่งเป็นการอำพรางหลอกลวงประชาชน

"ผมขอเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช. ที่ท่านเคยสัญญาว่าขอเวลาอีกไม่นานจะคืนความสุขให้ประชาชน ถามว่าตอนนี้บ้านเมืองถูกแก้ไขสำเร็จมากน้อยเท่าไหร่แล้ว การเมืองไทยวันนี้แตกต่างกันหรือไม่กับการเมืองไทยก่อนท่านยึดอำนาจ ท่านทำการเมืองไทยซ้ำรอยการเมืองเก่า และทำให้ระบบตรวจสอบทั้งประเทศแย่ไปกว่าเก่า"

ผศ.ดร.ปริญญา กล่าว่า 5 สิงหาคม 2559 ก่อนประชามติรัฐธรรมนูญ 60 เพียง 2 วัน ท่านออกทีวีขอให้รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้และสัญญาว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ แต่ปัจจุบันท่านสืบทอดอำนาจมาอย่างยาวนาน และรับผิดชอบการเมืองที่ล้มเหลวอย่างไร แม้กระทั่งเรื่องทุนจีนสีเทาท่านรับผิดชอบอย่างไร แม้แต่เรื่องกติกาการเมือง 8 ปีท่านยังไม่ปฏิบัติและพยายามจะขยายเวลาออกไปอีกให้ไม่จำกัด 8 ปี ซึ่งในทางกฎหมายไม่สามารถทำได้ เพราะถ้าแก้ไขต้องเขียนว่าสำหรับนายกฯ คนต่อไปเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับคนเก่าซึ่งจะเป็นการสืบทอดอำนาจ

"ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมเรียกร้องให้อย่าเอาเสียง ส.ว.มาเลือกตนเองและต่ออายุนายกฯ ต่อไป เรื่องเหล่านี้อาจเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่ เพราะถ้าแก้รัฐธรรมนูญให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อได้ ก็เท่ากับว่าจะสามารถไปแก้ไขอายุ ส.ว.ให้อยู่ต่อเกิน 5 ปีได้เช่นกัน ซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 11 พ.ค.67 ซึ่งปาฏิหาริย์ทางกฎหมายทำให้การเมืองไทยไม่เริ่มต้นใหม่เสียที

ผมขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ตอนเปิดตัวกับพรรคการเมือง ต้องแถลงว่า ท่านจะเป็นนายกฯ จากประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่มาจากเสียง ส.ว. เพื่อไม่ให้เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เพื่อให้การเลือกตั้งมีความเสมอภาคกัน พรรคการเมืองทุกพรรคต้องเลิกคิดสูตรที่ไปรวมกับ ส.ว. และ ส.ว.อย่ามายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกนายกฯ อย่างสันติ โดย ส.ว.งดออกเสียงได้ ให้การเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยเครือข่ายนักวิชาการ และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เสียงประชาชนปิดสวิตซ์ ส.ว. อีกครั้งหนึ่งก่อนการเลือกตั้ง

ในอดีตความขัดแย้งทางการเมืองไทยไม่เคยลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นผลงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้ปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้น สุดท้ายตนไม่เห็นด้วยที่พล.อ.ประยุทธ์ ไปตั้งคนของพรรครวมไทยสร้างชาติมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อช่วยในการเลือกตั้ง ไม่ได้ช่วยงานในฐานะนายกฯ ซึ่งขัดต่อหลักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย" ผศ.ดร.ปริญญา กล่าว

ด้าน รศ.ดร.พิชาย กล่าวว่าตนเพิ่งทราบว่า ส.ว.มีคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงประหลาดใจว่า ส.ว.มีกรรมาธิการชุดนี้ด้วยและมีข้อเสนอให้รัฐจ่ายให้ประชาชนคนละ 500 บาทเพื่อไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งโดยไม่ขายเสียงและรู้คุณแผ่นดิน ซึ่งแสดงถึงวิธีคิดของ ส.ว. ที่คิดว่านักการเมืองเป็นต้นตอของปัญหา ขณะที่ประชาชนคิดว่า รัฐประหารและ ส.ว.เป็นต้นตอของปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบัน

"ผมอยากให้การศึกษาแก่ ส.ว. ว่า การซื้อเสียงเป็นเรื่องทั่วไปที่เกิดขึ้นทั่วโลกในประเทศที่เริ่มต้นระบอบประชาธิปไตย บางประเทศใช้เวลาแก้ไขเป็น 100 ปี เช่น อังกฤษ แต่มาตรการทางกฎหมายไม่มีประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาการซื้อเสียงแต่อย่างใด ไทยมีกฎหมายลงโทษเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่สมัย พล.อ.เปรม แต่ปัจจุบันก็ยังมีมากยิ่งขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้จิตสำนึกทางการเมือง ไม่ใช่กฎหมาย"

รศ.ดร.พิชาย กล่าวว่า อังกฤษแก้ไขเรื่องนี้ได้เพราะจิตสำนักในการเลือกตั้ง หลังจากการตั้งพรรคกรรมกร อินเดียมีคนมากกว่าแต่มีการซื้อเสียงน้อยกว่าไทย เพราะที่ใดมีจิตสำนึกทางการเมืองเข้มข้นจะไม่มีปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงทางการเมือง เพราะประชาชนรู้ว่าถ้าลงคะแนนเลือกใครจะเกิดผลอย่างไรต่อประเทศ และกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมส่งผลอย่างมาก

วันนี้รัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลวจนเกิดเศรษฐกิจผูกขาดและการเอาเปรียบทางเศรษฐกิจแก่ประชาชน จนเกิดความเหลื่อมล้ำและความยากจน วันนี้ประชาชนจำนวนมากสิ้นหวังและเห็นแล้วว่า ชนชั้นนำทางการเมืองและเศรษฐกิจไทยกระทำอะไรกับการเมืองไทยบ้าง และพร้อมเลือกพรรคการเมืองที่ตอบโจทย์กับชีวิตมากกว่า

ตนเห็นว่า อำนาจ ส.ว.ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน จึงไม่มีสิทธิ์เลือกนายกฯ เพราะขัดหลักการและจิตสำนึกประชาธิปไตย มี ส.ว. เพียง 23 คนเท่านั้นที่ร่วมโหวตตัดอำนาจตนเองในร่างแก้ไขรัฐธรรมที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่ติดกับดักอำนาจรัฐประหาร ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้เกิน 300 เสียง แต่พรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันจะได้เสียงไม่ถึง 200 เสียง

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่ามีเรื่องที่ประชาชนต้องจับตา 5 เรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลได้ประโยชน์และเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ 1. กลไกตามรัฐธรรมนูญ 60 ที่ได้เปรียบ จากการประชามติจอมปลอมที่ยังไม่ได้แก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งกฎหมายการเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย การแบ่งเขตเลือกตั้งก็ยังคลุมเครือ และยังจะมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจภาค 2

2. อำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ 60 ที่เป็นหัวใจหลักของรัฐบาล คสช. เพื่อสืบทอดอำนาจต่อ ซึ่งภาคประชาชนจะต้องเคลื่อนไหวคัดค้านต่อไป 3. ปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาลได้เปรียบ เพราะเอาอำนาจรัฐที่ได้เปรียบไปช่วยในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีการแต่งตั้งบุคคลในพรรครวมไทยสร้างชาติดำรงตำแหน่งทางการเมืองในสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย

4. ขอให้ร่วมจับตางบประมาณของรัฐบาลที่จะเทลงไปในสนามการเลือกตั้ง และ 5. การลงแคนดิเดตนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร เป็นละครตบตาประชาชนประชาชนหรือไม่ เพราะมีความพยายามทำให้ทางเลือกของการเมืองไทยมีแค่ 2 ป. เท่านั้น แต่ทั้ง 2 ป. ไม่ใช่ทางเลือกของประชาชน เพราะ ส.ว. จะเลือกใครก็ได้ทั้ง 2 คน ทั้ง 2 คนก็ได้ประโยชน์เท่ากัน ระบอบ 3 ป.ก็สืบทอดอำนาจต่อไป โดยประชาชนต้องมีทางเลือกที่ 3 เพื่อไม่ให้ทั้ง 3 ป.ได้ไปต่อ และประชาธิปไตยเดินหน้า

"สุดท้าย ขอเรียกร้อง กกต. อนุญาตให้นานาชาติร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง และให้มีอาสาสมัครจากประชาชนร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้งโดยการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อความโปร่งใส สุจริต ยุติธรรม ในการเลือกตั้งครั้งนี้" นายเมธากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 34): ‘กรมขุนชัยนาทนเรนทร’ ทรงตกเป็นเหยื่อการเมืองของหลวงพิบูลสงคราม

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

'กูรูใหญ่' แฉเบื้องลึก! ทำไมนักการเมืองยุคนี้ไม่กลัว 'ยึดอำนาจ'

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ทางตัน

เพจพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ปลื้ม ‘คนคุณภาพประชาธิปัตย์’ ได้เป็นขรก.การเมือง

เฟซบุ๊กเพจ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความว่า ครม. เห็นชอบ แต่งตั้ง “คนคุณภาพประชาธิปัตย์” เป็นข้าราชการการเมือง สังกัด ทส. และ สธ.

'เทพไท' เรียกร้องนิรโทษกรรมทุกกลุ่ม รวมคดี 112 ด้วย

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "พรบ.นิรโทษกรรม:ปรองดองจริงหรือ?" ระบุว่ากรณีนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.