สว.ดิเรกฤทธิ์ เผยแก้รธน.ปม 'วาระนายกฯ' แค่ความเห็นส่วนตัว

14 ม.ค.2566 - นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการ(กมธ.) พัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา คนที่สาม กล่าวถึงกระแสข่าวที่กมธ.ดังกล่าว เตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องขยายอายุการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีให้เกิน 8 ปี ว่า ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ว่าจะในทางการ หรือในวาระของประชุมของคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องเลย อาจเป็นแนวคิดของ ส.ว. บางท่าน แต่ในทางการยังไม่ปรากฏในนามของวุฒิสภา

"น่าจะเป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการในบรรดาเพื่อนฝูงหรืออะไรมากกว่า เพราะทั้ง 2 ท่าน ในเรื่องของความเห็นตอนวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ท่านก็มีความเห็นของท่านและในทางแนวคิดทางการเมือง ท่านก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปจำกัดเวลาดำรงตำแหน่ง เขาดีไม่ดีประชาชนก็เป็นคนตัดสินใจอยู่แล้ว เป็นแนวคิดของ 2 ท่านนั้น แต่ยังไม่ได้นำเรื่องนี้ประชุมกันอย่างเป็นทางการ" นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่าการกำหนดวาระนายกฯหรือไม่อย่างไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสภาพสังคมและวัฒนธรรมการเมืองของแต่ละประเทศ บางประเทศก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการกำหนดอายุการดำรงตำแหน่งของผู้นำ และมองว่าเป็นเรื่องล้าสมัย กีดกัน หรือดูหมิ่นประชาชนด้วยซ้ำ เพราะมีระบบพรรคการเมืองที่เข้มแข็งแล้ว ไม่มีการสืบทอดอำนาจ ขณะที่บางประเทศซึ่งให้ความสำคัญ เพราะมองว่าการเมืองเป็นเรื่องของประชาชนหมู่มาก ควรให้เกิดการสร้างผู้นำทางการเมือง ไม่ใช่การผูกขาด

"ผมไม่เห็นความจำเป็นนะที่ต้องไปกำหนด ในเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้อย่างนี้แล้ว คนที่เห็นต่างก็มีมุมมองว่าอาจเป็นการกีดกัน และไม่เคารพประชาชน ถ้าประชาชนจะเลือกคนดีซ้ำเข้ามาก็เป็นการจำกัดสิทธิ ก็มีมุมแบบนี้อยู่เหมือนกัน จึงมีความเห็นได้ 2 ฝ่าย ซึ่งผมก็มองว่า คงไม่ใช่เรื่องการโน้มเอียง อคติ เชียร์ไม่เชียร์ใคร ช่วยไม่ช่วยใครนะ ผมคิดว่าในสังคมเราก็ต้องรับฟังเหตุผลทุกฝ่าย"นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม หากต้องการเสนอแก้รัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ โดยหารือกันในรัฐสภา เพราะฝ่ายที่เห็นด้วยให้แก้ อาจไม่ได้หวังผลทางการหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงอย่างเดียว ตนเห็นว่าควรเอาเรื่องความดี ความสามารถของนายกฯ มาเป็นตัวตั้งดีกว่า อย่าใช้เรื่องวาระ 8 ปี มาเป็นประเด็น เพราะเป็นบทบัญญัติที่คนเขียนขึ้นมา คนก็ย่อมแก้ได้ แต่ความเห็นของ ส.ว. 2 คน ไม่สามารถไปสรุปเป็นวุฒิสภาทั้งหมดไม่ได้

"แม้จะมีการเสนอแก้ไขจริง ก็คงแก้ได้ไม่ทันเวลา เพราะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากต้องขอความเห็นชอบจากเสียงข้างมากของรัฐสภาแล้ว ยังมีเงื่อนไขว่าต้องมีเสียง 1 ใน 3 ของ ส.ว. และเสียง 20% ของฝ่ายค้านมาร่วมด้วย รวมถึงเมื่อเข้าเงื่อนไขของการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ จึงต้องไปทำประชามติทั่วประเทศด้วย ในกระบวนการไม่ได้ง่าย เนื่องจากขั้นตอนการกำหนดวาระดำรงตำแหน่งนี้ก็บัญญัติขึ้นด้วยเหตุผล และประชามติเช่นกัน ดังนั้นการจะแก้ไข ก็ต้องมีเหตุผลที่ดีพอมาหักล้างให้สภาเห็นด้วย และต้องให้ประชาชนที่เห็นชอบรัฐธรรมนูญมา มีประชามติให้แก้ไขด้วยเหมือนกัน จึงเป็นเรื่องยาก"

เมื่อถามว่าวาระของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เหลือ 2 ปี จะส่งผลต่อการยกมือเลือกนายกฯ ของ ส.ว. ครั้งต่อไปหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ ตอบว่าส.ว. เป็นปลายน้ำ ต้องดูกันต่อไปว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้นน้ำคงไม่ถึงปลายน้ำ หากประชาชนเลือกตั้งได้ ส.ส.เสียงข้างมาก เสนอใครเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้มีตำหนิเป็นที่ประจักษ์จริงๆ ว่าไม่เหมาะสมกับคู่แข่ง คงเป็นไปไม่ได้ที่ส.ว. จะไปเลือกคนที่ประชาชนและคนที่ส.ส.เสียงข้างมากไม่ได้เลือกมา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นิกร' แนะให้โอกาส สว. ชุดใหม่ อย่าด้อยค่า

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา และคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2560 โพสต์เฟซบุ๊กระบุความเห็นถึงรายชื่อสว.ชุดใหม่ ว่า เขาคือใครและเราคือใครในประเด็นวุฒิสมาชิกชุดใหม่

เหลียวหลังแลหน้า 92 ปี ปชต. กรีดดีลลับอันตราย! รัฐบาล มีโอกาสอยู่ครบเทอม

ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป การเมืองในรัฐสภาทั้งสภาล่างคือสภาผู้แทนราษฎร และสภาสูงคือวุฒิสภา ที่ตอนนี้ผ่านกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

จ่อสอบผู้สมัครสว.กว่า4หมื่นคน

เลขาฯ กกต.ยกคำพิพากษาศาลวินิจฉัยสมัคร สว.ไม่ตรงกลุ่มอาชีพไม่ผิด สิทธิการรับสมัครเป็นคนละส่วนกับเอกสารรับสมัครเป็นเท็จ

เลขาฯกกต. อ้างคำพิพากษาศาล สมัคร สว.ไม่ตรงกลุ่มอาชีพไม่ผิด

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกสมัครเป็นเท็จ รับจ้างสมัคร