'หมอวาโย' แนะรัฐระดมฉีดเข็มกระตุ้น อัปเดตเป็นวัคซีน bivalent สต๊อกยาให้พร้อม รับนักท่องเที่ยวจีน

'หมอวาโย' เสนอมาตรการรับนักท่องเที่ยวจีน แนะ รัฐระดมฉีดเข็มกระตุ้น อัปเดตเป็นวัคซีน bivalent สต๊อกยาให้พร้อม ชี้ ยังไร้แหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือยืนยันโควิดระบาดแรงในจีน

6 ม.ค.66 - นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอมาตรการป้องกันเพื่อรองรับการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีความกังวลว่าอาจนำไปสู่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิดที่มีเชื้อรุนแรงกว่าปัจจุบัน โดยระบุว่าจากการสืบค้นและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหลายคน พบว่าข้อมูลที่มีการพูดถึงกันว่ามีการติดเชื้อโควิดอยู่ในประเทศจีนสูงมากและยังเป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง เป็นข้อมูลที่ยังไม่มีการยืนยันออกมาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือใดๆ แต่ความกังวลที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากประเทศจีนไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ดังนั้น ประเทศไทยก็ควรจะมีมาตรการป้องกันเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งมาตรการด้านวัคซีน การลดอัตราการเสียชีวิต และมาตรการเกี่ยวกับการเข้าเมือง

นพ.วาโย กล่าวว่า สำหรับมาตรการวัคซีน รัฐบาลควรเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์หรือเข็มกระตุ้นที่ 3 - 4 ให้แก่ประชากรเพิ่มโดยเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยได้รับวัคซีนเข้มกระตุ้นไม่ถึง 50% หากรู้ว่าจะมีการรับนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ก็ควรเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว อย่างไรก็ตาม การเร่งฉีดตอนนี้อาจยังทันอยู่ เนื่องจากวัคซีนบูสเตอร์ใช้เวลาเพียง 5 วันเท่านั้นในการกระตุ้นภูมิต้านทาน ต่างจากวัคซีนเข็มหลักสองเข็มแรกที่ใช้เวลา 2 - 4 เดือน โดยควรฉีดให้ได้อย่างน้อย 80% ของประชากรทั่วไป และไม่น้อยกว่า 90% ของกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดสูงกว่าคนทั่วไป

นพ.วาโย กล่าวต่อว่า ส่วนประเภทของวัคซีนนั้น อย่างแย่ที่สุดต้องเป็นวัคซีน mRNA แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรต้องเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่ผสมสายพันธุ์โอไมครอนลงไปด้วย หรือที่เรียกว่าวัคซีนแบบ Bivalent ซึ่งยังไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยแม้แต่เข็มเดียว แต่หากไม่สามารถจัดหาได้ อย่างน้อยที่สุดก็ยังสามารถเอาวัคซีน Monovalent มาฉีดกระตุ้นก่อนได้ แต่หลังจากนี้ไม่ควรสั่งซื้อวัคซีนแบบ Monovalent มาใช้อีกแล้ว ควรปรับมาใช้วัคซีน Bivalent แทน

นพ.วาโย กล่าวด้วยว่า สิ่งที่น่ากังวลสำหรับโควิดในปัจจุบัน ไม่ใช่การติดเชื้อ แต่คือการเสียชีวิต ปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตในประเทศไทยอยู่ที่ 0.1 - 0.2% หรือประมาณ 15 คนต่อสัปดาห์ ซึ่งยังเป็นอัตราที่น้อยมาก และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ เราสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ด้วยการใช้ยา ซึ่งปัจจุบันยาที่มีหลักฐานทางการแพทย์ออกมาแล้วว่าลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างดีที่สุด คือยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ที่ประเทศไทยใช้เป็นยาหลักอยู่ตอนนี้ หลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าลดอัตราการตายได้น้อยกว่า ดังนั้น รัฐบาลควรต้องสั่งซื้อ Paxlovid มาใช้เป็นยาหลักหลังจากนี้ และควรจะทำให้บุคลากรสาธารณสุขที่อยู่หน้างานสามารถจ่ายยาให้กับผู้ป่วยได้ง่ายขึ้นกว่าระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันด้วย

“แม้ข้อมูลทางวิชาการจะยังเชื่อถือไม่ได้ว่าสถานการณ์ในประเทศจีนร้ายแรงแค่ไหน แต่ความกังวลของประชาชนก็เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำคือหาทางป้องกัน อันดับแรกคือลดอัตราการตาย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง มีสต๊อกยาให้พร้อม ระดมทุกคนมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้อย่างน้อย 80% ในกลุ่มประชากรทั่วไป และ 90% ในกลุ่มเสี่ยง และต้องเป็นวัคซีนที่ดี จะนำเข้าวัคซีนใหม่ต้องเป็น bivalent จะสต๊อกยาใหม่ต้องเป็น paxlovid เท่านั้น” นพ.วาโย กล่าว

นพ.วาโย กล่าวอีกว่า สุดท้าย คือมาตรการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยว แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการว่านักท่องเที่ยวจีนมีความชุกของเชื้อมากกว่าชาติอื่น แต่ในเมื่อประชาชนมีความกังวล สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้คือการสุ่มตรวจบุคคลที่เดินทางเข้าเมืองจากทุกสายการบิน ไม่ใช่แต่เพียงสายการบินจากประเทศจีนเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังวลในการเลือกปฏิบัติ และอีกประการหนึ่งคือการตรวจน้ำเสียจากเครื่องบิน เพื่อดูความเข้มข้นและสายพันธุ์ของเชื้อ ซึ่งด้านนี้สามารถเจาะจงเฉพาะไปที่สายการบินจากจีนได้

“ข้อมูลจากทั้งการสุ่มตรวจบุคคล และการตรวจน้ำเสียจากเครื่องบิน จะทำให้ประเทศไทยได้ข้อมูลในทางสถิติที่เป็นวิทยาศาสตร์ออกมายืนยันได้ ว่าสิ่งที่เป็นความกังวลนั้นเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แล้วค่อยนำไปสู่การตรวจหาเชื้อ กักกัน ให้ส่งผล RT-PCR หรือส่งผล ATK ก่อนเข้าประเทศ หรือสกัดกั้นนักท่องเที่ยวจีนอย่างเดียวในภายหลังก็ยังได้” นพ.วาโย กล่าว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มีคนติดคุกแน่! แนะ ป.ป.ช. สอบ 12 ประเด็น 'หมอวาโย' วินิจฉัยโรค 'ทักษิณ'

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า แนะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำ 12 ประเด็น

อัปเดตวัคซีน Bivalent ผลกระตุ้นภูมิดีกว่ารุ่นเก่า

'นพ.ธีระ' อัปเดตวัคซีน Bivalent ชี้มีงานวิจัยแล้วกว่า 10 ชิ้น ชัดเจนว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ BA.5 ได้ดีกว่าวัคซีนรุ่นเก่า โดยเฉพาะสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่น่ากังวลอย่าง XBB

หมอธีระ เผยข้อมูลวัคซีนโควิดใหม่ 'Bivalent' ลดการรักษาตัวใน รพ. ถึง 81%

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 191,994 คน

ความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับตัวและการรับมือกับนักท่องเที่ยวจีนตามนโยบายเปิดประเทศของจีน

รัฐบาลจีนประกาศนโยบายเปิดประเทศทั้งด้านการผ่อนคลายการเดินทางเข้าและออกจากประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ปฏิกิริยาของคนจีน คือ ยอดค้นหาแหล่งท่องเที่ยวบนเว็ป trip.com พุ่งงกระชูด ไทยติดหนึ่งในห้าของแหล่งท่องเที่ยวที่คนจีนค้นหาที่สุด ได้แก่ ฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้

อึ้ง! 'โอมิครอน' แตกหน่อต่อยอดกว่า 653 สายพันธุ์ย่อย ดื้อต่อภูมิคุ้มกัน-ติดง่าย

'หมอธีระ' เผย 'โอมิครอน' แตกหน่อต่อยอด กลายพันธุ์ไปกว่า 653 สายพันธุ์ย่อย ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากกว่าเดิม ทำให้เกิดการแพร่ได้มากขึ้นง่ายขึ้น ชี้วัคซีน Bivalent ช่วยกระตุ้นระดับแอนติบอดี้ต่อสายพันธุ์ย่อยใหม่ๆ ได้ดีกว่าวัคซีนรุ่นเก่า