20 พ.ย. 2564 - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า เมื่อหลายวันก่อนดิฉันเสนอให้รัฐบาล #ยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดีเซล ซึ่งรัฐบาลคิดภาษีสูงมากถึงลิตรละเกือบ 6 บาท “เสมือนรีดเลือดกับปู”
การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันสูงถึงลิตรละ 6 บาท เป็นต้นเหตุสำคัญทำให้คนไทยต้องใช้น้ำมันในราคาแพงกว่าประเทศคู่แข่ง ด้วยเหตุผลว่าน้ำมันเป็นปัจจัยการผลิตจึงไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ได้รับผลประโยชน์พิเศษจากรัฐ หรือสินค้าที่บริโภคแล้วมีผลเสียต่อสุขภาพและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือสินค้าที่ก่อให้เกิดภาระแก่รัฐบาลหรือมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เหตุผลที่สำคัญไปกว่านั้นคือประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก (export led growth economy) โดยมีเงินได้ที่มาจากการส่งออกสูงถึงร้อยละ 70 ของจีดีพี แต่การที่ผู้ส่งออกไทยจะขายสินค้าได้จะต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการอื่นๆ จากทั่วโลก ดังนั้นการที่รัฐบาลจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันในราคาที่สูงมาก จึงทำให้ต้นทุนสินค้าจากไทยสูงกว่าผู้ประกอบการจากประเทศอื่นทำให้แข่งขันยากขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะมาแก้ไขปัญหาด้วยการให้เอารถทหาร หรือรถบขส. มาขนส่งแทน รถบรรทุกที่จะหยุดวิ่ง มันไม่ใช่การแก้ปัญหาของที่ถูกต้อง
ดิฉันทราบดีว่ารัฐบาลมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันถึงปีละ 220,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้สำคัญของรัฐบาล แต่ในทางกลับกันเงินภาษีจำนวนมหาศาลดังกล่าวคือต้นทุนที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องแบกรับภาระทำให้อำนาจการแข่งขันลดลง หากรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตลงมากเท่าไรก็จะทำให้อำนาจการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยมีมากขึ้นตามนั้น
ประชาชนและผู้ประกอบการคือผู้ที่หารายได้ให้ประเทศ ด้วยการเสียภาษีให้กับรัฐบาลเพื่อใช้ในการบริหารประเทศ รัฐบาลจึงควรลดภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการให้มากที่สุดเพื่อให้คนไทยสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการอื่นๆ จากทั่วโลกได้
ดิฉันเชื่อว่าหากคนไทยมีอำนาจการแข่งขันมากขึ้น เราจะขายสินค้าได้มากขึ้นและทำกำไรได้มากขึ้นเช่นกัน นั่นคือรัฐบาลจะจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นแต่ผู้เสียภาษีจะมีความสุข เพราะเสียภาษีจากกำไรที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่ถูกบังคับให้แบกต้นทุนด้วยการจ่ายภาษีตั้งแต่ต้นทาง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทสท.จี้นายกฯ อิ๊งค์ขอโทษประชาชนปมคดีตากใบ
'ไทยสร้างไทย' เรียกร้อง นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการขอโทษต่อประชาชน กรณีความสูญเสียที่ตากใบ กังวลใจท่าทีผู้มีอำนาจยังไม่ชัดเจน หวังรัฐจริงใจ ถอดชนวนความขัดแย้ง