17 พ.ย.2564 - ที่รัฐสภา นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยภาคประชาชน ที่รัฐสภาไม่ผ่านความเห็นชอบว่า ที่ร่างแก้ไขนี้ต้องตกไป เพราะมีปัญหาในเชิงเนื้อหาหลายประการ ซึ่งเท่าที่ศึกษาและอ่านเนื้อหา รวมถึงติดตามสถานการณ์การเมือง ทำให้เห็นว่าวันนี้ไม่ว่าผลโหวตจะเป็นอย่างไร แต่สมาชิกรัฐสภาผู้โหวตจะถูกตีตราทางการเมืองออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายที่โหวตรับหลักการจะเป็นฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย ส่วนฝ่ายที่โหวตไม่รับหลักการจะถือว่าสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เพราะการเมืองวันนี้บีบพื้นที่และแบ่งความเห็นใหญ่ๆ ออกเป็นสองฝ่ายทั้งที่จริงๆ เนื้อหาในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีปัญหามากทำให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขบางคนต้องตกเป็นจำเลยทางการเมืองไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ สำหรับตนนั้นจำเป็นต้องโหวตรับหลักการเพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของพรรคฝ่ายค้านทั้งที่จริงยังมีความไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาในร่างบางประการ ตัวอย่างเช่น
1.การเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เรียกว่าแทบจะยกเครื่องเนื้อหารัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับระบบการเมือง ศาลและองค์กรอิสระ รวมถึงระบบตรวจสอบถ่วงดุลต่าง ๆ เกือบทั้งหมด ซึ่งการยกเครื่องเนื้อหารัฐธรรมนูญจำนวนมากขนาดนี้ควรที่จะต้องใช้เวลาในการตกผลึกและมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ช่วยกันคิด เหมือนก่อนจะได้รัฐธรรมนูญ 2540 ที่ใช้เวลากว่า 5 ปี ผ่านกระบวนการคิดมาหลายรัฐบาล ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมัยรัฐบาลชวน 1 รวมถึงตั้งคณะกรรมการประชาธิปไตย และต่อมาสมัยรัฐบาลบรรหาร ก็ตั้งคณะกรรมการปฎิรูปการเมือง รวมถึงคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอแก้ไขมาตรา 211 จนนำไปสู่การเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ดังนั้นร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่แม้ประชาชนจะลงชื่อถึง 135,247 คน แต่กระบวนการยกร่างมาจากบุคคลเพียงไม่กี่คน
2.เป็นการเสนอแบบมัดรวมหลายๆ เรื่องเข้าด้วยกันทำให้ตัดสินใจยากเพราะบางอันดี บางอันละเอียดอ่อน เช่นเรื่องที่ผมให้การสนับสนุนคือ การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการปฎิรูปประเทศ, ยกเลิกอำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกฯ, การป้องกันการรัฐประหาร, การให้นายกรัฐมนตรีมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ในเรื่องการเปลี่ยนให้เป็นสภาเดี่ยว รวมถึงการยกเครื่องเรื่องที่มา คุณสมบัติ การตรวจสอบและถ่วงดุลของ ศาล ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ นั้นจะคิดกันแก้ไขกันเฉพาะกลุ่ม หรือเอาความเห็นทางวิชาการ หรือมุมมองโลกตะวันตกโดยใช้ตรรกะความคิดของคนเพียงไม่กี่คนไม่ได้
3.การเสนอให้เป็นสภาเดียวนั้นดูจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด แม้ว่าในอดีตหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจะใช้ระบบสภาเดียว หรือหลังการรัฐประหารจะใช้แบบสภาเดี่ยว เช่นกันก็ตาม แต่ปัญหาของวุฒิสภาชุดนี้คืออำนาจที่มากแต่มีที่มาจากการแต่งตั้งของยุค คสช. ที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน เพราะหลักการคือวุฒิสภา ควรมาจากการเลือกตั้งและควรมีส่วนที่เข้าไปเกี่ยวกับการเมืองให้น้อยที่สุด ประกอบกับร่างแก้ไข นี้เขียนรวบเอาอำนาจทางการเมืองและกระบวนการตรวจสอบไว้อยู่ที่สภาผู้แทนราษฎรแต่เพียงองค์กรเดียวดูจะน่ากลัว และเป็นอันตราย โดยเฉพาะการให้สมาชิกสภาผู้แทนฯ เข้าไปอยู่ในคณะผู้ตรวจการศาลและศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงองค์กรอิสระ แม้จะไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา หรือคำวินิจฉัย ก็ตาม
4.การตั้งผู้ตรวจการกองทัพเป็นการปฎิรูปกองทัพไม่ตรงจุด แต่ควรต้องแก้ไข พรบ บริหารราชการกระทรวงกลาโหม และเสนอยุบหน่วยงาน กอ.รมน. เพราะหลังการรัฐประหารปี 2549 มีการแก้ไขพรบ บริหารราชการกระทรวงกลาโหม ทำให้ผู้บัญชาการทหารบกไม่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี กองทัพมีสถานะเป็นอิสระ จากรัฐบาลเหมือนรัฐซ้อนรัฐ ทำให้เกิดการรัฐประหารได้ง่าย และหลังรัฐประหารปี 2557 ก็แก้ไขกฎหมายขยายอำนาจ และภารกิจของพลเรือนให้ กอ.รมน. โดยเฉพาะการตั้ง กอ.รมน.ภาค หรือ กอ.รมน.จังหวัด ที่เข้าไปทับซ้อนงานของข้าราชการพลเรือน และเอาอัยการ ตำรวจ ผู้ว่า มาเป็นลูกน้องนายพล
5.กระบวนการตรวจสอบและถอดถอนตุลาการโดยภาคประชาชนมีสิทธิเสนอชื่อ 20,000 ชื่อนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ปลายทางของกระบวนการที่ใช้เสียงข้างมากไม่ว่าจะเป็น“องค์คณะพิจารณาถอดถอน” หรือสภาผู้แทนฯ เป็นผู้ถอดถอนนั้นก็สุ่มเสี่ยงที่การเมืองจะเข้าไปแทรกแซงองค์กรตุลาการเพราะหากดูองค์ประกอบของผู้ออกเสียงล้วนมาจากสภาผู้แทนฯ ของนักการเมือง
นายจิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า แม้ร่างแก้ไขนี้จะตกไป แต่ก็ต้องขอชื่นชมคณะผู้ยกร่างที่สามารถรวบรวมเสียงของประชาชนนำเข้ามาสู่สภาได้ ถือว่าสำเร็จในแง่การกระตุ้นให้ประชาชนและสังคมเห็นถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มากขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าในอนาคตเมื่อบทเฉพาะกาลตามรัฐธรรมนูญ 2560 ถูกปลดล็อค คงจะได้มีการนำเสนอเรื่องร่างแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน.จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ แฟ้มภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอเกศ' โผล่สภาแล้ว! ยิ้มแทนคำตอบ
พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้เดินทางเข้ามายังอาคารรัฐสภาฝั่งสภาผู้แทนราษฎร โดยผู้สื่อข่าวบังเอิญไปเจอ พญ.เกศกมล ที่ห้องอาหารชั้น 1
'พริษฐ์' อภิปรายปิด ซัดเพื่อไทยทำนโยบายไม่ตรงหาเสียง
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสรุปว่า โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้นได้ไม่คุ้มเสีย และเต็มไปด้วยคำถาม อาทิ การกำหนดเงื่อนไขที่กีดกันผู้ค้ารายย่อย ไม่นำไปสู่การลงทุนระยะยาวที่มีตัวคูณเศรษฐกิจที่สูงกว่า
'รัฐสภา' ไม่มีอำนาจรับรองวุฒิการศึกษา ปัดก้าวล่วงคุณสมบัติ สว.
'อาพัทธ์' โต้ 'สมชัย' รัฐสภาไม่มีอำนาจตรวจสอบ-รับรองวุฒิการศึกษา เผยต้องคุยฝ่ายกฎหมายก่อนเอาผิดได้หรือไม่ ปัดก้าวล่วงคุณสมบัติ สว.
อย่าหนีสภา! ‘โรม’ ดักคอนายกฯ จะตั้งกระทู้ถาม แบก์ไทยถูกใช้หนุนสงครามในเมียนมา
'โรม' เตรียมตั้งกระทู้ถาม 'นายกฯ' ปมแบงก์ไทยถูกใช้หนุนสงครามในเมียนมา ขอให้มาตอบด้วยตัวเอง แสดงบทบาทนำแก้ปัญหา สร้างความยอมรับในระดับนานาชาติ
'ชาญวิศว์' สว.คนแรกที่เหยียบรัฐสภา
มาแล้ว! สว. คนแรกเข้ารัฐสภา 'ชาญวิศว์' เผย ตั้งใจพร้อมทำหน้าที่ บอก ไร้ชื่อประธานวุฒิสภาในใจ
'ปิยบุตร' หนุน 'กกต.' เร่งประกาศรับรองผล 'เลือก สว.' ก่อนค่อยสอยทีหลัง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการเลือก สว.ว่า ผลที่ออกมาแปลกประหลาดมาก ซึ่งหากมีปัญหาเช่นนี้ก็ไม่สอด