เดือด! เสรีแฉเบื้องหลังชงแก้ รธน. 'ปิยบุตร' สวนพวกเถยจิต

เดือดช่วงค่ำ! โรมท้าให้เลือกจบในรุ่นท่านหรือให้ท่านจบในรุ่นผม “เสรี” แฉเป้าชัดยื่นหวังให้คว่ำอยู่แล้ว เพราะต้องการเอาไปต่อยอดนอกสภา “ปิยบุตร” ปัดซัดคิดอย่างนี้เป็นพวกเถยจิต

17 พ.ย.2564 - ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ซึ่งเสนอให้ยกเลิกมาตรา 65 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 7 มาตรา 159 วรรคแรก เพิ่มมาตรา 193/1 มาตรา 193/2 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 11 หมวด 12 มาตรา 256 หมวด 16 ยกเลิกมาตรา 269 มาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 272 และมาตรา 279 ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 135,247 คนเป็นผู้เสนอในวาระแรกเมื่อวันที่ 16 พ.ย.นั้น ในช่วงค่ำมีการอภิปรายกันอย่างดุเดือด

โดยเมื่อเวลา 23.00 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ฟังแล้วสลดใจ ที่มีคนอ้างว่ารัฐธรรมนูญ 2560 เป็นของประชาชน ได้รับความเห็นชอบ 16 ล้านเสียง ขอย้ำว่าการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีวัน ไม่มีทางที่จะกลายร่างเป็นรัฐธรรมนูญ เพราะฝ่ายที่ต่อต้านถูกดำเนินคดีและคุมขัง ส่วนเรื่องข้อเสนอสภาเดี่ยว ไม่ใช่เรื่องใหม่ วันที่ทำหน้าที่ สนช. ประชาชนไม่ได้เลือก ไม่มีใครตรวจสอบกลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจ พอเราจะยกอำนาจให้ประชาชน กลับเดือดเนื้อร้อนใจ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเครือข่ายที่แต่งตั้ง รับรองกันเอง ผลิตผลที่ออกมาคือคำฟ้อง คำตัดสินที่สะเทือน ร้าวลึกทางรากฐานประชาธิปไตย การยุบพรรค ขัดขวางแก้รัฐธรรมนูญ บดขยี้ศัตรูคณะรัฐประหาร ความเชื่อถือของกฎหมายถูกกัดเซาะ บ่อนทำลายโดยคนที่ตัดสิน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ดังนั้นจังต้องเสนอให้โละ นอกจากนี้ที่ขอเสนอให้ล้างผลการรัฐประหาร เพราะเขาเอือมระอาเต็มทน หากเราขจัดผลพวงการทำรัฐประหารได้ กองทัพ ตำรวจ จะไม่กระทำย่ำยีกับประชาชน การปราบทุจริต ไม่สองมาตรฐาน การเลือกตั้งเป็นธรรมกว่านี้ ไม่มีคำวินิจฉัยว่า ประชาชนต้องการประชาธิปไตย เป็นการบ่อนทำลายประเทศ ต้องเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ล้มระบอบประยุทธ์

“หวังว่าเพื่อนสมาชิกสภา จะร่วมลงมติแก้ไข อะไรที่จบด้วยมือท่าน ก็ให้จบที่รุ่นของท่าน อย่าดึงดันเป็นภาระคนรุ่นหลังต้องมาจบกันเอง มันอาจไม่ใช่จุดจบที่สวยงาม สำหรับพวกท่าน จะจบในรุ่นท่านหรือจะให้ท่านจบในรุ่นของผม ท่านต้องเลือก”นายรังสิมันต์อภิปราย

ต่อมาเวลา 23.20 น. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายว่า ไม่ขัดข้อง หากประชาชนจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมา หากเสนอมาโดยสุจริต ไม่มีอะไรแอบแฝงเราพร้อมพิจารณา แต่ผู้ที่เสนอมา การเสนอที่มีเนื้อหาสาระในประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น กระทบกับองค์กรต่างๆ กล่าวหาใช้ถ้อยคำรุนแรง ทำให้เห็นเสนอข้อมูล เนื้อหารัฐธรรมนูญเหล่านี้กระทบกระแทกคนไปทั่ว แสดงให้เห็นว่า ต้องการสร้างความขัดแย้ง สร้างสถานการณ์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะจะมีผลทางการเมืองมาก จะได้ประโยชน์หลายอย่าง อย่างน้อยที่สุด ถ้อยคำเป็นภาษาทางกฎหมาย ตนเองก็เป็นนักกฎหมาย นักกฎหมายที่ไหนอ่านก็รู้เท่าทัน เจตนาที่เสนอ ประสงค์อะไร หมายความว่าอย่างไร คือ ประสงค์ไม่ให้สภารับร่างรัฐธรรมนูญ โดยผลอย่างน้อยที่สุด ก็สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ประชาชนจะรู้สึกไม่ดีกับสภา ส.ว. มีส่วนได้เสีย หวงอำนาจ ไม่ต้องการออกจากตำแหน่ง ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง กำลังสร้างแพะรับบาปในสิ่งที่ประสงค์จะให้เกิดขึ้น ผลที่ตามมา หากเป็นบุคคลอื่นเสนอมา จะไม่คิดอะไรเลย แต่ท่านที่เสนอร่างนี้มาเคยเจ็บช้ำน้ำใจ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคการเมือง ตัดสิทธิ์ทางการเมือง และมีกลุ่มลูกศิษย์ที่ให้ข้อมูลผิดๆ จนถูกคดีความ

“ท่านกำลังสร้างบรรยากาศด้อยค่าของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม ศาลทั้งหลาย ที่กำลังพิจารณา พรรคหนึ่งกำลังถูกพิจารณา สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นเสียก่อน หากศาลตัดสินยุบพรรค ตัดสิทธิ์จริง ท่านก็มีเหตุที่จะปรับปรุง เพราะเห็นว่าศาลตัดสินไม่ถูกต้อง เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้าย ที่พูดไม่ได้จินตนาการ ที่สภาพูดเรื่องนี้ ก็เห็นอยู่ โอกาสที่จะผ่านมันยาก กล่าวหา ส.ว. ซีกรัฐบาลหลายเรื่อง ทุกคนก็ร่วมพิจารณาว่าจะให้ผ่านวาระ 1 หรือไม่ แต่ท่านสร้างสถานการณ์ ให้เกิดการปะทะ แล้วจะไม่ได้มีเจตนาให้รัฐธรรมนูญตกได้อย่างไร เป็นการสร้างสถานการณ์จากพรรคซีกหนึ่งสร้างมา เข้ามาหาโอกาส วิพากษ์วิจารณ์ พูดกระแทกแดกดัน พูดถึงนายกฯ รัฐบาล คสช. ลดความน่าเชื่อถือให้ประชาชนได้ยินได้ฟัง เรากำลังพิจารณาว่าจะรับวาระ1 หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อให้สภาฯไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ”

ขณะที่ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า สิ่งที่ผู้อภิปรายนั้น เป็นการใส่ร้าย ขอให้เตือน ส.ว.ท่านนี้ด้วย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม กล่าวว่า เมื่อพูดถึงองค์กรภายนอก ก็ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง โดยที่องค์กรเหล่านั้น ไม่ได้มาชี้แจง

นายเสรี อภิปรายอีกว่า ที่พูดกันมา กล่าวหา ส.ว.ตลอด กล่าวหาไม่ทำอะไรเลย เอาแค่ตัวเลขมาพูดเท่านี้ลงมติ เท่านั้นไม่ลง พูดโดยมีเจตนาอะไร ถ้าเป็นไปตามที่คิดก็เป็น ส.ว.เอง ไม่ต้องมี ส.ว.ก็ได้ มาเป็นเอง อะไรคิดไม่เหมือนท่าน ผิดหมด บอกว่า พูดอภิปรายไม่ไว้วางใจคนเสนอร่าง แต่วันนี้ทั้งวัน เปิดเวทีไม่ไว้วางใจนายกฯ ทั้งวัน เอาตัวบุคคลมาเล่นงานตลอด จะบอกว่าสุจริตได้อย่างไร ถ้ามีคนเสนอมา ถ้าเป็นคนนอกเจตนาสุจริต ไม่คิดประโยชน์ส่วนตน การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ดีงาม เราต้องพร้อมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประโยชน์ มีเนื้อหาสาระ แต่อยากให้คำนึงผลที่พิจารณานั้น หลายท่านก็พูด หากสภาไม่รับ จะเกิดข้อขัดแย้งนอกสภา รู้ได้อย่างไร ถ้าไม่ไปปลุกปั่น ยั่วยุ เด็กที่โดนคดี เพราะพวกเราขาดความรับผิดชอบ ใจดำไปหรือเปล่า ลูกศิษย์เราต้องปกป้องดูแล ไม่ใช่เอาเหตุการณ์นี้ไปปลุกปั่น พอเขาโดนคดี ไม่ได้รับการประกันตัว ก็ไปโทษศาลอีก ทำไมไม่ใช้ความเป็นครูบาอาจารย์แนะนำ อะไรถูกอะไรผิด อายุเป็นเพียงตัวเลข โลงศพไม่ได้ใส่คนแก่ ใส่คนตาย คนอายุน้อยก็ตายได้

เมื่อถึงช่วงนี้ นายชวน ได้ตักเตือนว่าไปไกลแล้ว อย่าเพิ่งไปถึงเรื่องโลงศพ คนตาย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่า ขอให้ตักเตือนด้วยว่า ที่บอกว่า โลงศพใส่คนตายไม่เกี่ยวเลย แต่เอาไว้ใส่คนปากอย่างท่าน นายชวน ได้วินิจฉัยอีกครั้งว่า อย่าไปซ้ำ อีกเลย ทำให้นายเสรีสวนว่า ถูกพาดพิงอายุเยอะ อายุมาก บอกว่าปากผมอย่างโน้นอย่างนั้น ผมว่าปากคุณวิโรจน์ ขอให้ระวังไว้ นายชวนจึงตัดบทว่า มันวัดวุฒิภาวะของคน บางทีวุฒิภาวะก็คุมยาก

นายเสรี อภิปรายต่ออีกว่า ที่บอกว่า ส.ว.ไม่ควรมีอีกแล้ว ควรเป็นสภาเดี่ยว ที่เสนอมา ทราบหรือไม่ บางประเทศมี 3-4 สภา ก็มี อย่ายกตัวอย่าง ประเทศไหนมีสภาเดี่ยว เราต้องมีสภาเดี่ยวด้วย แสดงให้เห็นว่า จะมีสภาเดี่ยวหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ความพึงพอใจของผู้เสนอ เรารู้ตระหนักในหน้าที่ เมื่อครบวาระเราก็ออก

"ร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอ มีปัญหาโดยเนื้อหาตัวร่าง หากไม่ผ่านสภา ไม่ใช่ความผิดสภา ส.ว.แต่ที่ไม่ผ่านเพราะเนื้อหาของท่านมีเจตนาจะไม่ให้ผ่าน และเนื้อหาที่เสนอมานั้น เป็นการแทรกแซงศาล องค์กรอิสระ ลดกระบวนการ ขั้นตอนการตรวจสอบในระบบรัฐสภา ร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอมานั้น เป็นร่างที่ใช้โอกาส หาพื้นที่ในสภา ที่โกรธ เคียดแค้น แสดงออก เพื่อหวังเรียกมวลชน หากรัฐธรรมนูญจะตกไม่ผ่าน ไม่ใช่คนอื่น เป็นสิ่งที่ท่านเขียนทั้งสิ้น อย่ามาโทษกัน เป็นสิ่งที่ท่านสร้างมาทั้งนั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ไม่หวังจะให้นำกลับไปแก้ ไปดูหน้าสุดท้าย ก่อนจะจบ ก็ไปวนเวียนจะไปแก้ไขหมวด 2 พระมหากษัตริย์ แล้วจะให้เราไว้วางใจได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต เราไม่ได้อคติ ไม่ชอบ ไม่มีความรู้สึกเกรงกลัว ถ้าผ่านไปแล้ว ส.ว.จะพ้นหน้าที่ ไม่เคยคิด ไม่เคยมี ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านเพราะเนื้อหาของท่านเองที่เสนอมา และมีเจตนาแต่แรกไม่ให้ผ่าน เอาผลพวงไม่ผ่าน ไปต่อยอดสร้างมวลชนนอกสภา ขอให้เห็นแก่เด็กนอกสภา อย่าไปใช้เขาเป็นเครื่องมือเลย”

และในเวลา 00.10 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้างหน้าได้ชี้แจงว่า ได้ฟังผู้อภิปราย นึกว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายเสรีที่อภิปรายกล่าวหา ใช้ถ้อยคำรุนแรง ก็เทียบไม่ได้ถ้อยคำปรารภในรัฐธรรมนูญ 2560 กระบวนการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ริเริ่ม ได้ชื่อ ก็ทำตามช่องทางรัฐธรรมนูญทั้งหมด

“กล่าวหา ผมวางแผนการต่างๆนานา ฟังแล้ว ผมมีอิทธิฤทธิ์มากขนาดนั้นหรือ ปืนสักกระบอกไม่มี ยิงปืนยังไม่เป็น ทำราวกับว่า ผมคุมกองทัพ จะล้มล้างการปกครองได้ มากล่าวหา มีสักมาตราหรือไม่ที่รองรับการตัดสิทธิ์การเมืองของผม หรือฟื้นพรรคอนาคตใหม่มาใหม่ เมื่อร่างผ่าน ก็ยังโดนตัดสิทธิ์ ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ที่บอกหากร่างไม่ผ่าน จะเอาไปปั่นกระแสต่างๆ ร่างที่เสนอ จนบรรจุจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะมาบรรจุวันนี้ แล้วสถานการณ์วันนี้จะเป็นอย่างนี้ ที่กล่าวหาผม คำพุทธมีคำว่า เถยจิต คนไหนคิดอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น ที่บอกว่า ไปกล่าวหารุนแรงกับท่าน ไปดู ไม่มีตรงไหนพูดถึงเรื่องส่วนตัวเลย แต่ต้องไปโทษคนร่างรัฐธรรมนูญ เขียนมาแบบนี้อย่างไร ทำให้ท่านถูกวิพากษ์วิจารณ์ ที่บอกทำไม ครูบาอาจารย์ไม่รักลูกศิษย์ ก็คิดแบบนี้ ทำให้แตกแยก เด็กรุ่นใหม่ เขาก็มีความคิด ความเชื่ออย่างไร เป็นรุ่นจากรุ่นที่คิดไม่เหมือนรุ่นก่อน ต้องเปิดใจรับฟัง ทำไมเขาคิดแบบนี้ ถ้าคิดว่า เขาถูกปลูกฝัง ยุยง ก็ทำให้เกิดความห่างระหว่างรุ่นมากขึ้น ผมพยายามหาพื้นที่ปลอดภัย คุยกันได้ บนพื้นฐานไม่มีใครได้ทั้งหมด เสียทั้งหมด จะได้อยู่ร่วมกันได้ ที่กล่าวหา แสดงความคิดซ่อนเร้น จะแก้หมวด 2 ก็ล้อมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ถ้าจะแก้หมวด1-2 ต้องทำประชามติ ก็ล้อมาตามนี้ เวลาบอกเรื่องรวมศูนย์อำนาจ อำนาจไม่ได้อยู่ที่สภา แต่อยู่ที่หัวหน้า คสช.ทำได้หมด นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ แต่วันนั้นไม่มีใครประท้วงสักแอะ หากยกเลิก ส.ว. ข้าราชการก็โอนย้ายมายังสภา ไม่ได้กระทบสถานะข้าราชการแต่อย่างใด”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'โรม' สุดต้าน 'พท.' แก้เกมดึงเช็งถกลับปมชั้น​ 14 ไร้เงา 'ทักษิณ' ลงรับหนังสือ​แต่ไม่ตอบกลับ​

'โรม' สุดต้าน 'เพื่อไทย' แก้เกม​ ดึงเช็งถกลับปมชั้น​ 14 บอกให้หารือ​ขอบเขตอำนาจหน้าที่​ กมธ.ก่อน​ หลัง 'กรมราชทัณฑ์' ติงไร้อำนาจสอบ​ หวั่น​ ผิดจริยธรรมยกคณะ​ ทำ 'ทวี' ต้องนั่งรอไปก่อน ขณะที่ไร้เงา 'ทักษิณ' ลงรับหนังสือ​แต่ไม่ตอบกลับ​

'รังสิมันต์' ลั่นกมธ.มั่นคงฯมีอำนาจตรวจสอบเทวดาชั้น 14 ท้า 'ทักษิณ' บริสุทธิ์จริงต้องมาชี้แจง

'รังสิมันต์' ลั่นกมธ.มั่นคงฯมีอำนาจตรวจสอบเทวดาชั้น 14 ยันไม่ซ้ำซ้อนคณะอื่น รับทำงานลำบากหน่วยงานไม่ให้ข้อมูล ท้า 'ทักษิณ' บริสุทธิ์จริงต้องมาชี้แจง วอนขรก.น้ำดีหากพบพิรุธส่งมาให้กมธ.

กมธ.มั่นคงฯ ขอดูลาดเลาปม MOU44 ให้รอบด้าน

'กมธ.มั่นคง' ขอฟังข้อมูลปม MOU 44 รอบด้าน หลังหลายฝ่ายมีความเห็นต่าง 'โรม' ยันยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก เล็งใช้กลไกสภาเดินหน้าตรวสอบ เหตุเรื่องรื้อรังมานาน