รุมแทงภูมิใจไทย! ก้าวไกลยื่นผู้ตรวจฯ ชงศาลพักประกาศ สธ.เรื่องปลดล็อกกัญชา

ก้าวไกลร้องผู้ตรวจฯ ชงศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว พักประกาศ สธ.ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ชี้ไม่ได้เป็นเพื่อการแพทย์อย่างแท้จริง แนะใช้ประกาศฉบับ 8 ธ.ค.2563 รอกฎหมายกัญชา กัญชง ผ่านสภา

10 พ.ย.2565 – ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินร้องเรียนการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และเสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมายจากกรณีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 ซึ่งมีผลในการปลดล็อกกัญชาออกจากเป็นพืชยาเสพติด

โดยนายวาโยกล่าวว่า แม้ว่าจะมีการควบคุมกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม แต่โดยเฉพาะเด็ก และเยาวชน มีการเข้าถึงกัญชากันอย่างแพร่หลายไม่เว้นแม้แต่สถานศึกษา ทำให้สะท้อนเห็นภาพสภาพบังคับของกฎหมายพระราชบัญญัติส่งเสริมการแพทย์แผนไทย ที่บัญญัติให้กัญชาเป็นพืชสมุนไพรควบคุม และยังไม่สามารถทำให้เกิดสภาพบังคับที่แท้จริงของกฎหมายได้ เพราะฉะนั้นตอนมองกลับไปที่ต้นตอของปัญหาว่าประกาศของกฎกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับความเห็นชอบโดยตรงจาก รมว.สาธารณสุข จากความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส.มีปัญหาหรือไม่ โดยพรรคก้าวไกลพิจารณาเห็นว่าปัญหา เพราะว่าเป็นประกาศที่ออกตามความประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งหมายเจตนารมณ์เพื่อควบคุมการใช้ และปราบปรามยาเสพติด แต่ตัวประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด โดยนักวิชาการ นักกฎหมาย หรือแม้แต่อัยการมองว่า ตัวประกาศดังกล่าวขัดกับกฎหมายหลักที่ต้องการควบคุม และปราบปรามยาเสพติด ที่กำหนดให้สารสกัดในปริมาณใดปริมาณหนึ่งเป็นยาเสพติด แต่สารที่นำมาตั้งต้นไม่เป็นยาเสพติด

"สมมติถ้าเราบัญญัติว่าน้ำนมเป็นยาเสพติด แต่เราบอกว่าแม่วัวที่มีน้ำนมอยู่ในเต้าไม่เป็นยาเสพติด ขัดกันเองโดยตัวอยู่ในสภาพของความสัมพันธ์ของสารตั้งต้นและยาเสพติด"นายวาโยกล่าว

นายวาโย กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลได้มีการอภิปรายรวมถึงได้มีการเสนอแนะต่อ รมว.สาธารณสุข เมื่อหลายเดือนก่อนว่าขอให้ถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 ออกไปก่อน และให้สามารถกลับไปใช้ประกาศฉบับลงวันที่ 8 ธ.ค.2563 ได้ ซึ่งประกาศตัวนี้น่าจะสอดคล้องเจตนารมณ์ของกฎหมาย และเจตนารมณ์ของ รมว.สาธารณสุข ที่ต้องการปลกล็อกกัญชาออกจากพืชยาเสพติด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบระดับนานาชาติ เพราะประเทศไทยผูกพันภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศในอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.1961 ที่บัญญัติว่าประเทศภาคีสมาชิกย่อมให้ความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด และสามารถใช้กัญชาในกรณีวิทยาศาสตร์ และเพื่อการแพทย์เท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติในประเทศไทยที่นำกัญชามาผสมลงไปในอาหาร ไอศกรีม ซอส และยังมีภาพโฆษณาโดยตัว รมว.สาธารณสุข ตามที่ปรากฏในสื่อ คิดว่าวงการแพทย์ของไม่คิดว่าการนำกัญชาใส่ลงไปในอาหารจะเป็นการแพทย์ได้อย่างไร อาจมีความสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดข้อครหา หรือเป็นผลกระทบในเชิงนานาชาติ จึงขอผู้ตรวจการแผ่นดินส่งไปทางศาลปกครองเพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราว โดยการพักใช้ตัวประกาศฉบับลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 ไปก่อน และยกประกาศวันที่ 8 ธ.ค.2563 มาใช้ได้ ซึ่งตัวประกาศดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับอยู่ และจากประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 8 ข้อบังคับในประกาศเดิมสามารถใช้บังคับอยู่ ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อประมวล กฎกระทรวง หรือประกาศ ที่ออกตามความของกฎหมายหลักยาเสพติด แต่ไม่ได้บอกว่าสิ้นสภาพไป แต่เมื่อมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 จึงทำให้ความในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับลงวันที่ 8 ธ.ค.2563 กลายเป็นขัดหรือแย้งกับประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 จึงทำให้มิอาจใช้บังคับต่อไปได้ ดังนั้นช่วงระหว่างที่ยังมีช่องว่างขณะที่สภาพบังคับของประกาศฉบับนี้ยังไม่เกิดขึ้นใช้จริง เห็นว่าสามารถนำกลับมาใช้ได้

“ประกาศลงวันที่ 8 ธ.ค.2563 เป็นไปเพื่อทางการแพทย์โดยแท้จริง และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่แพทย์ได้จ่ายยาที่เกี่ยวกัญชาสามารถยังคงใช้อยู่ได้ ส่วนข้อกังวลที่มองว่าจะทำให้ผู้ที่ครอบครองกัญชาจะมีความผิดหรือไม่ พรรคก้าวไกลบอกว่าไม่ เพราะ รมว.สาธารณสุขระบุว่ากัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และการซื้อหรือการวิจัยต้องมีการขออนุญาตตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งทำให้สังคมเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จนกว่าที่จะมีกฎหมายออกจากสภามาควบคุมจริงๆ อย่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แต่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถออกกฎหมายได้ ดังนั้นการมายื่นผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้ถือว่าเป็นการกันไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำคู่ขนานกับสภา ถ้าสภามีกฎหมายออกมาบังคับใช้ก่อน และควบคุมได้ดีก็ว่ากันไป แต่ถ้ากฎหมายไม่สามารถออกจากสภาได้หรือออกมาบังคับใช้ไม่ดี อย่างน้อยก็ให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป่วยทิพย์ชั้น 14 ร้อน! มวลชนยื่น 4 ข้อเรียกร้อง ป.ป.ช.อย่าทำให้สิ้นศรัทธา

'อดีตแกนนำพันธมิตร​ -​ กปปส.​ -​ จตุพร' นำมวลชนบุก ​ป.ป.ช.​ยื่น​ 4 ข้อเสนอประกอบการพิจารณาคดีป่วยทิพย์ชั้น​ 14 'ตู่' รับยังไม่ไว้วางใจกันทำหน้าที่ เลขาฯ ​ป.ป.ช.ขออย่ากังวล ทำหน้าที่ตามพยานหลักฐาน