'บิ๊กตู่' ร่ายยาวกลางวง วปอ.บอกไม่ใช่นายกฯ ทีดีที่สุด แต่รู้ตัวดีว่าเป็นคนอย่างไร!

'บิ๊กตู่' แจงยุทธศาสตร์ชาติปรับได้ ไม่ใช่ต้องการอยู่ในอำนาจยาว เหน็บที่ดินในไทยเหลือเยอะ เหตุคนไปอยู่ต่างประเทศ บอกไม่ใช่นายกฯ ที่ดีที่สุด และไม่สนคนเกลียด เพราะรู้ตัวเองดีว่าเป็นอย่างไร

09 พ.ย.2565 - ที่ห้องประชุม 421 ชั้น 2 อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 พร้อมกับกล่าวบรรยายหัวข้อ บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากมาย แล้วเกี่ยวข้องกับหลายมิติที่มีความยืดหยุ่นซึ่งกันและกัน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะเปลี่ยนตลอดเวลา เพราะฉะนั้นบทบาทหน้าที่ของทุกคนจึงต้องปรับเปลี่ยน นอกเหนือจากการป้องกันรักษาความสงบแล้ว จะต้องร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาในทุกๆ ด้านไปพร้อมกัน ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ได้เปรียบ แม้จะประสบปัญหาอยู่บ้าง ทั้งโรคระบาด ภัยพิบัติ ตลอดจนเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ทำให้ไทยขาดโอกาสและสูญเสียโอกาส ในการสร้างความเข้มแข็ง และการพัฒนาตัวเอง อย่าลืมในทุกวิกฤติต่างๆ ก็ยังมีโอกาสอยู่ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหา ทั้งในประเทศ ภูมิภาค และโลก ความร่วมมือร่วมใจถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข็งแข็งของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการดูแลช่วยเหลือเยียวยาแก้ปัญหาของประชาชน ปัจจุบันแม้สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว และเป็นเวลาที่จะต้องกลับมาร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในโครงการต่างๆ ที่ชะลอไว้ หรือยังติดปัญหาอุปสรรคอยู่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเอเปก ถือเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลจะได้แสดงถึงศักยภาพของประเทศในการขับเคลื่อนพัฒนาเพื่อบรรลุตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งหลายคนตกใจกลัวว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ช่วยไปดูรายละเอียด และสร้างความเข้าใจว่าแต่ละช่วง ทุก 5 ปีจะกลับมาย้อนดูและปรับปรุง ต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำอะไรให้เกิดความยั่งยืนได้ นโยบายที่วางไว้จะได้จบ ไม่เหมือนกับบางรัฐบาลมีอายุสั้น ผลงานจึงไม่ค่อยปรากฏออกมา

“ในปัจจุบันเราได้หน้ายุทธศาสตร์ชาติเข้าสู่ระยะที่สองแล้ว ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ไม่ใช่ทุกอย่างจะแข็งไปเสียทั้งหมด หลายคนมาบอกว่าการกำหนดยุทธศาสตร์ไว้นานที่จะอยู่อำนาจนานหรือไม่ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น อะไรที่วางเอาไว้ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ตามสามารถสานต่อได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ยืนยันว่าโครงการสำคัญๆ เมื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ชาติแล้วจะต้องทำให้สำเร็จต่อเนื่อง เห็นได้จากผลงาน 8 ปีที่ผ่านมา หลายอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีความต่อเนื่อง และไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่สามารถสานต่อได้ วันนี้เราต้องร่วมมือกัน ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจกันเสียก่อน แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่เราจะมุ่งหวังว่าจะได้ประโยชน์เพียงประเทศเดียว เราต้องมีการพูดคุยหารือผลประโยชน์ต่างตอบแทนและเชื่อมโยงกันได้ ถ้ามุ่งหวังแต่ประโยชน์ของประเทศอย่างเดียวมันไปไม่สุดและไปไม่ได้ วันนี้เราต้องสร้างความเชื่อมโยงเช่นเดียวกับเส้นทางคมนาคม ขอให้ทุกคนต้องรู้ถึงบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บทบาทของภาครัฐวันนี้ไม่ใช่แค่รักษาอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยแล้ว วันนี้ไม่ใช่ถือดาบถือปืนเดินหน้าลุยกันเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่วันนี้มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดทำอย่างไรเราจะสงบเรียบร้อยไม่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศทั้งจากพวกเรากันเองและภายนอก ทำอย่างไรให้ดินแดนของเราเป็นดินแดนสงบสุข เป็นดินแดนแห่งสันติภาพและดินแดนแห่งรอยยิ้ม เราอยากให้ดินแดนอาเซียนเป็นดินแดนแห่งสันติภาพพูดคุยกับใครก็ได้ แก้ปัญหาอะไรก็ได้ เป็นสิ่งที่เราพยายามทำและพยายามสร้างคนไทย อีกทั้งเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่มีอยู่ ต้องสุจริตโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องของสวัสดิการ ถ้าย้อนกลับไปดูในเรื่องการดูแลประชาชน ข้าราชการสามารถที่จะตอบแทนได้ แต่มีหลายคนที่มีความต้องการมากกว่าหรือเยอะกว่านี้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องเพิ่มปริมาณรายได้ของเราให้มากขึ้นด้วย เราจึงต้องพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง งบประมาณที่เกี่ยวกับสวัสดิการของประชาชน เราใช้งบประมาณจำนวนมากในสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่ง 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำอย่างดีที่สุด ทั้งแก้ปัญหาเก่าและรับปัญหาใหม่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างความเข้าใจ นอกจากนี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่บัตรคนจน ในเรื่องรายได้มีเส้นขีดระดับเป็นกติกาเอาไว้ว่าจะต้องมีรายได้เท่าไหร่ถึงจะเป็นคนจน เราต้องการดูแลให้เขาอยู่รอด มีอาหารการกิน ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นนโยบายประชานิยม เพียงต้องการพุ่งเป้าไปให้เขาเพื่อใช้ทำอะไร ส่วนเขาจะใช้ทำอะไรถือเป็นสิทธิ์
“นายกฯ ไม่ใช่คนที่ดีที่สุดในโลก แต่เป็นคนช่างคิด คิดไปเรื่อยอะไรทำได้ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ก็ไม่ทำ แต่ถ้าหยุดคิดก็ทำอะไรไม่ได้ หรือคิดเฉพาะความขัดแย้ง คิดแต่จะไปสู้เขาอย่างไรมันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมากับประเทศชาติ”

นายกฯ กล่าวถึงการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชน ว่า ตนเองและรัฐบาลได้คิดออกมาถึงได้มีคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติขึ้นมา ไปดูการเข้าถึงที่ดินและการทับซ้อนของที่ดินของภาครัฐที่มีมากพอสมควร วันนี้คิดไปคิดมาที่ดินของประเทศไทยอาจจะลดลงก็ได้ เพราะซ้ำซ้อนกัน แต่ก็เพียงพอ เพราะมีคนอยากไปอยู่ต่างประเทศเยอะพอสมควร ที่ดินก็น่าจะพอ พูดไปเดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก ตนเองชอบพูดหาเรื่อง แต่ไม่อยากไปตอบโต้ เพราะประเทศชาติเดินไปข้างหน้าด้วยดี โดยเฉพาะการตอบรับการเข้าร่วมประชุมเอเปกก็เป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นผู้นำหลัก ที่เดินทางมามีเพียงบางประเทศที่ส่งผู้แทน เพราะสถานสถานการณ์ในประเทศมีปัญหา ซึ่งเชื่อว่า การประชุมเอเปกจะเป็นไปได้ด้วยดี เราต้องช่วยกันเป็นเจ้าภาพให้ดีที่สุดฝากประชาชนช่วยกัน วันนี้เป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยยืนอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างไร

นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสสุจริต และให้ความเป็นธรรมมากที่สุด ตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมามีการปรับแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ วันนี้เราคณะกรรมการด้านกฎหมายที่ทำงานแบบกิโยติน อันไหนไม่ดียกเลิก และทำเป็นกฎหมายใหม่ขึ้นมา แต่ต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า คนไทยเข้มแข็ง แข็งแรง เพียงแต่ความคิดยังแตกแยกกันอยู่ จะมีความพอใจหรือไม่พอใจกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ประเทศชาติถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราจะต้องร่วมมือกันตรงนี้เพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ ปัญหาที่สำคัญคือ ความรักความสามัคคีของทุกคนในชาติ

“อย่าเอาผมไปโยง จะชอบผมหรือไม่ชอบผม เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้อยู่แล้ว แต่ผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนอย่างไรอยู่ ก็ขอบคุณคนที่รักนะ” พร้อมกับหัวเราะและระบุว่า วันนี้มีความสุข อาจจะพูดจาอะไรไม่เป็นทางการอยู่บ้าง

นายกฯ กล่าวว่า เราต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวานก็พูดกับท่านทูตไป เพราะเรามีบริบทที่ต่างกันพอสมควร ประเทศไทยและหลายประเทศในตะวันตก และตะวันออก มีสถาบันพระมหากษัตริย์เรามีกฎหมายของเราที่จำเป็นต้องคุ้มครอง ทุกประเทศเรามีกฎหมายที่ใกล้เคียงกัน

“การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกอย่างต้องมีการตรวจสอบ ผมยอมรับความเห็นทางการเมืองโดยสุจริต แต่พูดถ้าไม่มีข้อมูล ผมก็จำเป็นต้องชี้แจงบางทีมันก็ไม่ใช่เลย แต่ผมไม่อยากไปทะเลาะกับใครทั้งสิ้น ผมอยากจะฟังเสียงพี่น้องประชาชนในสิ่งที่เขาต้องการ ในสิ่งที่เป็นไปได้ และทำให้เขาให้ได้เพื่อจะแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม ซึ่งรัฐบาล เอกชน ภาคการเมือง มีบทบาทสำคัญที่จะสร้างความมั่นคงความก้าวหน้าให้กับประเทศชาติ” นายกฯ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ท่าทีความมั่นคงของเนทันยาฮู2024 (2)

เนทันยาฮูย้ำว่า อิสราเอลหวังอยู่ร่วมกับนานาชาติโดยสันติ แต่กระแสโลกต่อต้านอิสราเอลส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของอิสราเอล นโยบายกับความจริงจึงย้อนแย้ง

เลือกตั้งสหรัฐ2024เลือกสังคมนิยมหรือฟาสซิสต์

ทรัมป์ชี้ว่าแฮร์ริสเป็นพวกสังคมนิยม ส่วนแฮร์ริสชี้ว่าทรัมป์เป็นเผด็จการ สหรัฐกำลังเข้าสู่การเลือกระหว่าง “สังคมนิยม” กับ “ฟาสซิสต์”

ทรัมป์คุกคามโลกเสรีประชาธิปไตย?

การที่ทรัมป์แสดงท่าทีเป็นมิตรต่อรัสเซีย จีน อาจไม่ปกป้องสมาชิกนาโต ชวนให้ตั้งคำถามว่าทรัมป์เป็นภัยคุกคามโลกเสรีประชาธิปไตยหรือไม่