ศาลเเพ่งดำเนินกระบวนพิจารณาต่อ คดีนพ.ชลน่าน หน.เพื่อไทย กับพวกยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ออกประกาศพรก.ฉุกเฉินฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลัง "บิ๊กตู่" ยื่นค้านเรื่องอำนาจฟ้อง นัดสืบพยานโจทก์นัดเเรก 25 ส.ค.ปีหน้า
15 พ.ย. 2564 - 13.30 น. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดชี้สองสถานในคดีหมายดำเลขดำที่ พ.5327/2563 ที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายวรพล มนทิรารักษ์ และนายธนวัฒน์ วงค์ไชย รวม 4 คน ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอเพิกถอนกรณีคำสั่งประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรงที่ประกาศโดยพล.อ.ประยุทธ์
โดยนัดชี้สองสถานในวันนี้ นพ.ชลน่านพร้อมด้วย นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความโจทก์และทีมทนายเดินทางมาศาล
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากกรณีที่ตนได้ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อช่วงเดือน ต.ค. 2563 ว่าเป็นการออกประกาศมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกเลิกการประกาศดังกล่าว และขอให้มีการพิจารณาเรื่องการออกคำสั่งโดยมิชอบ วันนี้ศาลได้นัดโจทก์มาฟังการนัดชี้สองสถาน เนื่องจากทางจำเลยได้ยื่นต่อศาล ขอให้พิจารณาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ว่ามีอำนาจฟ้องหรือไม่ วันนี้ก็คาดว่าศาลจะได้ชี้ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวนี้ด้วย โดยในประเด็นที่สำคัญในวันนี้ หากศาลถามโจทก์ว่าจะมีการถอนฟ้องคดีหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ยุติไปแล้ว ตนยังยืนยันจะไม่ถอนฟ้อง เพราะยังมีประเด็นที่ยังค้างที่ศาลจะต้องวินิจฉัย ข้อกฎหมายคือการออกคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย โดยการออกเป็นพ.ร.ก. ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่ใช้บังคับกับประชาชน อันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างรุนแรง ถือเป็นการก้าวล่วงไม่ปฏิบัติตามหลักนิติธรรม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะอาศัยอำนาจทางศาลเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดว่าการดำเนินการมิชอบเช่นนี้ จะต้องไม่เป็นบรรทัดฐานหรือเยี่ยงอย่างของฝ่ายบริหารเพื่อให้มีความระมัดระวังในการใช้อำนาจของรัฐ อันเป็นการรักษาสิทธิประโยชน์ของประชาชน เราจึงขอยืนยันให้ศาลดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อ เราก็หวังให้ศาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
นายนรินท์พงศ์ ทนายความกล่าวว่า การนัดชี้สองสถานในวันนี้ เป็นการนัดพร้อมที่ศาลก็จะมีคำสั่งในคำร้องของจำเลย ขอให้จำหน่ายคดีออกโดยอ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แต่ถ้าศาลมีคำสั่งนัดสืบพยานกระบวนการก็จะดำเนินการต่อ
ต่อมา ภายหลังฟังคำสั่ง นายนรินท์พงศ์ เปิดเผยว่า คำสั่งศาลในรายงานกระบวนพิจารณาคดีวันนี้ความว่า นัดชี้สองสถานและกำหนดแนวทางการดำเนินคดีวันนี้ตามที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24 ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 21 ธ.ค. 2563 สำเนาคำร้องให้ทนายโจทก์ทั้งสี่ แล้วคัดค้านว่าคำร้องของจำเลยไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 24
เนื่องจากประเด็นข้อพิพาทตามฟ้องเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงก่อน จึงจะพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายได้ การยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครลงวันที่ 15 ต.ค. 2563 หาได้ทำให้การโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ระหว่างประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวสิ้นไป เนื่องจากโจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหายแล้วในระหว่างที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นมีผลใช้บังคับ ทั้งความเสียหายที่โจทก์ทั้งสี่ได้รับในช่วงระยะเวลาดังกล่าวยังมิได้รับการเยียวยาความเสียหายตามคำคัดค้านฉบับลงวันที่ 30 ธ.ค. นั้น พิเคราะห์คำร้องของจำเลยและคำคัดค้านของโจทก์ทั้งสี่แล้วเห็นว่าชั้นนี้ควรดำเนินการพิจารณาไปก่อน แล้วรอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษา
ส่วนตามที่โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำร้องขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องตามคำร้องฉบับลงวันที่ 15 ม.ค. 2564 สอบจำเลยแล้วแถลงไม่คัดค้านคำร้องขอแก้ไขเพิ่มคำฟ้องของโจทก์ทั้งสี่ และไม่ติดใจยื่นคำให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสี่
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าโจทก์ทั้งสี่ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องก่อนวันชี้สองสถาน และข้อที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมนั้นเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมประกอบกับทนายจำเลยไม่ค้าน จึงอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องได้ ศาลตรวจคำฟ้องคำให้การและคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาท ดังนี้ 1. ศาลแพ่งมีอำนาจพิจารณาคดีนี้หรือไม่ 2. โจทก์ทั้งสี่มีอำนาจฟ้องหรือไม่ 3. การออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร วันที่ 15 ต.ค. 2563 พร้อมข้อกำหนดและคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ออกตามประกาศดังกล่าว และพยานที่จะนำเข้าสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 120/1 จึงอนุญาตให้คู่ความที่ประสงค์จะเสนอบันทึกถ้อยคำแทนการซักถามพยานยื่นบันทึกถ้อยคำดังกล่าวต่อศาลและส่งบันทึกถ้อยคำนั้นให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันสืบพยานปากนั้น ๆ โดยให้จัดทำบันทึกถ้อยคำที่มีรูปแบบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 120/3
โดยนายนรินท์พงศ์ ระบุต่อว่า ศาลเเพ่งนัดสืบพยานโจทก์ 25-26 ส.ค. 2565 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 30 ส.ค. 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รองเลขาฯเพื่อไทย ฟาดกลับ 'ไอซ์ รักชนก' แซะแจกเงินหมื่นช่วงเลือกตั้งนายก อบจ.
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ใจเย็นๆ นิดนะคะ รัฐบาลตั้งใจส่งเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงมือกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'อนุทิน' เช็กสัญญาณ ครม.อิ๊งค์ ปมศาลรธน.นัดถกรับ-ไม่รับคำร้อง คดีทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง
ที่ด่านพรมแดนบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นายอนุชิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่ในวันพรุ่งนี้(22 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้อง
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
'เอ็ดดี้ อัษฎางค์' มีคำตอบให้! 'พิธา' ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย
เอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอ็นเซอร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์ ยมนาค มีคำตอบให้
มองต่างมุม 'ดร.ณัฏฐ์' เชื่อศาลรธน.ตีตกคำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างฯ
สืบเนื่องจากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น เพื่อวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการก