‘หญิงหน่อย’ ฝาก 3 ประเด็นหลัก ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก 2022

7 พ.ย.2565-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมระดับโลกเกิดขึ้นในอาเซียนของเรา 3 การประชุมคือวันที่ 12-13 พฤศจิกายน จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงพนมเปญ วันที่ 15-16 พฤศจิกายน จะมีการประชุม G20 ที่บาหลี อินโดนีเซีย และปิดท้ายด้วยการประชุม APEC 2022 ที่กรุงเทพมหานคร ช่วงวันที่ 18-19 พฤศจิกายน การประชุมระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอาเซียนทั้ง 3 ครั้ง  ในช่วงเวลาที่ติดต่อกันเช่นนี้ ดิฉันคิดว่าเป็นโอกาสดียิ่งของประเทศไทย และประชาคมอาเซียนจะได้แสดงศักยภาพของพวกเราให้โลกได้รับรู้ภาวะเศรษฐกิจและสังคมโลกหลังจากเกิดการระบาดโควิด-19 สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง ห่วงโซ่อุปทานเกิดปัญหา ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะงักงันอย่างที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ และแน่นอนว่าประเทศไทยของเราและอาเซียนก็ย่อมจะหนีไม่พ้นผลกระทบดังกล่าวด้วยเช่นกัน  

เมื่อเราดูตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับในอาเซียนด้วยกันคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และประเทศไทย รวมถึงดาวรุ่งอย่างเวียดนาม ก็จะพบว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น ต่ำที่สุด ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ มาตั้งแต่ก่อนจะเกิดการระบาดของโควิด-19 สงครามการค้าและสงครามยูเครนเสียอีก  ซึ่งนั่นสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยที่ลดต่ำลงนั่นเอง ซึ่งการเป็นเจ้าภาพเอเปค 2022 ของประเทศไทยนั้นเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้เราแก้ปัญหาสำคัญเหล่านี้ 

การประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงพนมเปญนั้น นอกจากประเทศสมาชิกทั้งสิบประเทศที่จะเข้าร่วมประชุม และประเทศคู่เจรจาสำคัญๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เข้าร่วมแล้ว ก็จะยังมีการประชุม US-ASEAN summit และ East Asia Summit ซึ่งจะมีผู้นำจากสหรัฐฯและรัสเซีย เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งปีนี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ตอบรับที่จะมาเข้าร่วมประชุมที่กรุงพนมเปญ ขณะที่ยังไม่มีการยืนยันว่าประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จะเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ หากผู้นำทั้งสามประเทศคือ จีน สหรัฐฯและรัสเซียมาประชุมกันพร้อมหน้า ก็คงจะเป็นเรื่องที่โลกจะต้องจับตามองกันอย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลานั้น

หลังจากการประชุมสุดยอดอาเซียนแล้ว ผู้นำของประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ 20 ประเทศของโลก (G20) ก็จะไปร่วมประชุมกันที่บาหลี ซึ่งในปีนี้ผู้นำทั้งทางตะวันตกเช่นสหรัฐฯ  เยอรมนี อังกฤษ และยุโรป น่าจะมากันครบ ส่วนทางตะวันออก เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ก็คงจะมาร่วมกันครบเช่นเดียวกัน ทำให้ อินโดนีเซียเจ้าภาพซึ่งเป็นประเทศอาเซียนเพียงประเทศเดียวที่เป็นสมาชิก G20 ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากสื่อมวลชนโลกอย่างแน่นอน และจะส่งเสริมให้อินโดนีเซียมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากกรุงพนมเปญ และบาหลี ผู้นำระดับโลกก็จะมาร่วมประชุมกันใน APEC 2022 ที่กรุงเทพฯของเรา แม้ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะไม่มาร่วมการประชุม โดยส่งระดับรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส เข้าร่วมประชุมแทน ทำให้ความโดดเด่นของการประชุมลดลงไปบ้างก็ตามที แต่ส่วนมากผู้นำเขตเศรษฐกิจทั้ง 21 เขตก็ยังมาร่วมประชุมด้วยตนเอง

ดิฉันคิดว่าการเป็นเจ้าภาพเอเปค 2022 ครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญของประเทศเราในการที่จะแสดงให้โลกเห็นศักยภาพของประเทศไทย เพื่อที่จะพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับมาแข็งแกร่ง และเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะด้วยปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ปัญหาความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ลดลง และปัญหาของการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศที่ลดลงอย่างมาก ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถที่จะพลิกฟื้นกลับมาแข็งแรงได้ด้วยประเทศเราเองอย่างลำพัง โดยปราศจากการเข้ามาลงทุน ค้าขายและท่องเที่ยวของประเทศต่างๆอย่างแน่นอน

ดังนั้น ในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 ของประเทศไทย ดิฉันจึงอยากจะฝากประเด็นสำคัญ 3 ประเด็น ให้รัฐบาลได้พิจารณา ดังนี้ 1)รัฐบาลควรใช้โอกาสในการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ แสดงตำแหน่งทางการแข่งขันของประเทศและยุทธศาสตร์ชาติที่ชัดเจนให้ประชาคมโลกได้รับรู้ เพราะในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ตำแหน่งของประเทศไทยบนแผนที่การแข่งขันโลกนั้นดูเลือนลางลงไปทุกปี มีเพียงเรื่องการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ยังมีความแข็งแรง สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ในทางตรงกันข้ามเสน่ห์ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ FDI กลับลดลงอย่างน่าตกใจ ในช่วงปี 2544-2548 จากที่ประเทศไทยเคยสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้เป็นสัดส่วน 44 % เมื่อเปรียบเทียบกับ FDI ที่เข้ามาลงทุนในห้าประเทศอาเซียนคือไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ในช่วงปี 2562-2564 ไทยเรากลับสามารถดึงดูดการลงทุนได้เพียงแค่ 4 % FDI ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญนี้ส่งผลอย่างมากต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย

ตำแหน่งการแข่งขันของประเทศบนแผนที่การแข่งขันโลก และยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนที่นำพาประเทศไปสู่ตำแหน่งนั้น มีความสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศไม่น้อยไปกว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ศักยภาพของคนในประเทศและปัญหาอุปสรรคในกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ดังนั้นถ้ารัฐบาลใช้โอกาสนี้ทำให้ผู้นำทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนจาก 21 เขตเศรษฐกิจเกิดความเข้าใจตำแหน่งการแข่งขันของประเทศไทยและยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนได้มากเท่าใด โอกาสที่ไทยจะสามารถดึงดูดการลงทุนจาก 21 เขตเศรษฐกิจก็จะมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

2) การเป็นเจ้าภาพเอเปค 2022 ของไทยในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่โลกกำลังครุกรุ่นไปด้วยการเผชิญหน้ากันระหว่างมหาอำนาจโลกเช่น สหรัฐฯและจีน ด้านสงครามการค้า รวมไปถึงการเผชิญหน้าระหว่าง สหรัฐฯ พันธมิตร และรัสเซีย ซึ่งการเผชิญหน้าระหว่างประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ ย่อมจะส่งผลให้ภูมิรัฐศาสตร์โลกในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ 

ประเทศไทยในฐานะประเทศหลักประเทศหนึ่งในประชาคมอาเซียนซึ่งจีนและสหรัฐต่างก็กำลังพยายามเข้ามาช่วงชิงการมีบทบาทนำในภูมิภาคนี้ โดยบางประเทศเลือกที่จะให้ความสำคัญกับสหรัฐฯมากกว่า ในขณะที่บางประเทศกลับเลือกที่จะให้ความสำคัญกับจีนมากกว่า และในฐานะที่ประเทศไทยเรามีตำแหน่งประเทศอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา เมียนมาร์ สปป.ลาวและเวียดนาม ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับจีนตอนใต้ที่เรียกว่า “ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” ไทยจึงควรที่จะวางตำแหน่งประเทศบนภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่นี้ให้ดี โดยวางเป้าหมายให้ทั้งสองมหาอำนาจต้องร่วมมือกับไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทยและอาเซียนให้ได้ ในทุกวิกฤตย่อมจะมีโอกาสอยู่เสมอ ดังนั้นภายใต้วิกฤตภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่ หากรัฐบาลวางตำแหน่งประเทศไทยได้ดี สร้างความสัมพันธ์กับอาเซียนและมหาอำนาจของโลกได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โอกาสที่เราจะพลิกวิกฤตโลกให้เป็นโอกาสของประเทศไทยก็มีความเป็นไปได้อย่างสูง 

3)รัฐบาลควรที่จะแสดง “จุดแข็ง” ของประเทศไทยที่มีมาโดยตลอดซึ่งก็คือ พลังความสามัคคีของคนไทย ความอ่อนน้อมและความมีน้ำใจของคนไทย แต่เพราะในช่วงเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา ไทยเราต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งการเมืองสองขั้ว ปัญหาความแตกต่างทางความคิดของคนต่างกลุ่มต่างวัย ทำให้ภาพความขัดแย้งของไทยถูกนำไปเผยแพร่ทั่วโลก ดังนั้นระหว่างการประชุมเอเปค 2022 รัฐบาลควรจะได้นำเอาภาพความสามัคคี ความมีน้ำใจของคนไทยโดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ที่คนไทยทุกหมู่เหล่าได้ออกมาแสดงน้ำใจ ช่วยเหลือกันและกันอย่างเต็มที่ อย่างที่ไม่มีประเทศใดจะทำได้ มาแสดงให้ผู้เข้าร่วมประชุมและสื่อมวลชนทั้งโลกได้เห็นจุดแข็ง ของประเทศไทยให้ชัดเจน

ในขณะเดียวกันดิฉันก็อยากจะเชิญชวนนักการเมืองทุกขั้วทุกพรรค และพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 และช่วยกันแสดงจุดแข็งของประเทศไทยให้โลกได้เห็นร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ และพี่น้องประชาชนไทยทุกคน ดิฉัน และสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยทุกคน พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ในการจัดประชุมครั้งนี้  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งบ68 ฉลุย เช็กเสียงโหวต รัฐบาลไม่แตกแถว 4 สส.ปชป.งดออกเสียง กลุ่มบ้านป่าฯไม่เห็นด้วย 9

งบ68 ฉลุย สภาฯเท 309 เสียงหนุน ส่งต่อสว.ถกต่อ 9-10 ก.ย.นี้ เช็กเสียงโหวต รัฐบาลไม่แตกแถว 4 สส.ปชป. งดออกเสียง 'ก๊วนผู้กอง' หาย 1 ขณะที่กลุ่มบ้านป่าไม่เห็นด้วย 9 เสียง ส่วน'หัวหน้ามุ้ง' หายเหมือนเดิม 'พรรคเจ๊หน่อย' 3 สส.เจ้าเก่าโหวตหนุนรบ.

เปิดจำนวนเสียงสส.รัฐบาล-ฝ่ายค้าน 493 เสียง ในทางพฤตินัย ใครอยู่ฝั่งไหนกันแน่

ภายหลังจัดคณะรัฐมนตรี(ครม.)น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีการจับขั้ว ย้ายขั้วกันใหม่ ทำให้เสียงในสภาทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

'สุดารัตน์' ฟาดแรงการเมืองเลอะเทอะ ไร้จริยธรรม หลอกล่อคนพรรคอื่นร่วมรัฐบาล

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า เมื่อสักครู่ มีเพื่อนส่งข่าวนี้ให้ดิฉันดู ตามข่าวมีความปรากฏว่า “ นายสรวงศ์(เลขาธิการพรรคเพื่อไทย) เดินหน้าหาพันธมิตรแบบ ยกพรรคและยกก๊วน

ไทยสร้างไทย ขับ 'สุภาพร สลับศรี' สส.ยโสธร พ้นพรรค เซ่นโหวตนายกฯอุ๊งอิ๊ง

คณะกรรมการวินัยและจริยธรรม ของพรรคไทยสร้างไทย ได้ประชุมตามที่ได้รับมอบหมายจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค และดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม ซึ่งทั้งสองท่านอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีน ให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ สส. ทั้ง 6 คน เป็นรายบุคคล

'อนุสรณ์' ชี้ 6 สส.ไทยสร้างไทย โหวตหนุนแพทองธาร เพราะอยากให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชาชนบางส่วนกำลังขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล ว่า สิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าสามารถเรียกความเชื่อมั่นได้คือ