5 พ.ย.2565 - ที่บริเวณศูนย์เด็กเล็กในวัดลาดพร้าว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดงานแถลงนโยบายชุดที่สอง สวัสดิการไทยก้าวหน้า ช่วงหนึ่งว่า ชุดนโยบาย สวัสดิการไทยก้าวหน้าเป็นหนึ่งใน 9 ชุดนโยบายของพรรคก้าวไกล เสมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่ต้องนำมาต่อกับชิ้นอื่นๆ จึงจะกลายเป็นภาพประเทศไทยก้าวหน้าที่สมบูรณ์ จะขาดชิ้นใดชิ้นหนึ่งไม่ได้ โดยเหตุผลที่เลือกบริเวณศูนย์เด็กเล็ก และวัดลาดพร้าวเป็นสถานที่เปิดนโยบายสวัสดิการ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของวงจรชีวิตที่คนไทยจำนวนมากมาเริ่มที่นี่และจบที่นี่ เสมือนจุดที่สวัสดิการเริ่มต้นและจุดที่สวัสดิการสิ้นสุด
นายพิธา กล่าวว่าชุดนโยบายสวัสดิการไทยก้าวหน้านั้น เกี่ยวข้องกับปากท้องโดยตรง แต่ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับนโยบายด้านอื่นๆเช่น การเมือง เพราะการทำสวัสดิการต้องใช้งบประมาณมาก ต้องอาศัยการจัดสรรงบประมาณใหม่ เอางบความมั่นคงมาเป็นงบสวัสดิการ เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ ประเทศก็ต้องเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ อำนาจต้องเป็นของประชาชน หรือ เช่น เศรษฐกิจ เพราะการทำให้ประชาชนมีความมั่นคง จะทำให้เขากล้าเดินตามความฝันในสายอาชีพที่อาจมีความเสี่ยง แต่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลให้กับประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์
นายพิธา ยกตัวอย่างสถิติในปี 2564 ที่เป็นปีแรกที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยกว่าคนเสียชีวิต โดยส่วนหนึ่งสังคมที่สูงวัยขึ้นก็มาจากการที่คนอายุยืนเพราะระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็ง สะท้อนถึงความสำเร็จของประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งเป็นสวัสดิการ แต่จำนวนเด็กที่เกิดน้อยลงส่วนหนึ่งก็มาจากความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและความมั่นคงของชีวิตในอนาคต ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ด้วยสวัสดิการเช่นกัน บุคคลหนึ่งที่พูดถึงสวัสดิการมานาน ที่เรียกว่า ตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน คือ ศ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ แต่ผ่านมาหลายสิบปี สังคมไทยวันนี้ยังมีสวัสดิการที่ไม่ครอบคลุม ในวันที่ประชาชนมีความตื่นตัวสูงขึ้นเรื่องสวัสดิการ พรรคก้าวไกลจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้รัฐสวัสดิการเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย
“นโยบายสวัสดิการของเรา เชื่อในการที่คนไทยพร้อมช่วยเหลือกันในยามลำบาก การเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข เพียงแต่ที่ผ่านมายังขาดการออกแบบอย่างเป็นระบบ นโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกลจะสร้างประเทศที่เป็นธรรม โดยการลดความเหลื่อมล้ำที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สร้างประเทศที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนโดยการวางตาข่ายรองรับคุณภาพชีวิตและโอกาสที่เท่าเทียมกันของประชาชน และสร้างประเทศที่ปลดปล่อย ศักยภาพของคนไทยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไปข้างหน้า คนรุ่นใหม่จะกล้าเสี่ยงสร้างธุรกิจหรือไล่ตามความฝันของตัวเองมากขึ้น เพราะรู้ว่าถ้าพลาดไป ล้มแล้วยังลุกได้ เรามาเสนอรัฐสวัสดิการที่ทำได้จริง ไม่ได้ขายฝัน สามารถหาเงินมาจ่ายรัฐสวัสดิการได้ทุกบาททุกสตางค์ เป็นนโยบายสวัสดิการก้าวหน้า ตั้งแต่เกิดจนตาย” นายพิธา กล่าว
สำหรับชุดนโยบายสวัสดิการไทยก้าวหน้า แบ่งตาม 5 ช่วงวัย และมีทั้งหมด 19 นโยบาย ได้แก่ วัยเกิด ประกอบด้วย(1) ของขวัญแรกเกิด 3,000 บาท ให้พ่อ-แม่ซื้อสิ่งของจำเป็นในการเลี้ยงลูก (2) เงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท (3) สิทธิลาคลอด 180 วัน พ่อแม่แบ่งกันได้ (4) ศูนย์ดูแลเด็กใกล้บ้านและที่ทำงาน ในวัยเติบโต ประกอบด้วย
(5) เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง (6) คูปองเปิดโลก ให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน (7) ยกเลิกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มผ้าอนามัยและนำร่องแจกผ้าอนามัยฟรีในโรงเรียน ในวัยทำงาน ประกอบด้วย (8) ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นทุกปี เริ่มต้นวันละ 450 บาท รัฐช่วย SME 6 เดือนแรก (9) สัญญาจ้างเป็นธรรม ทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
(10) แรงงานทุกกลุ่มตั้งสหภาพได้ สอดคล้องหลักการขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (11) ประกันสังคมถ้วนหน้า เจ็บป่วยได้เงินชดเชยและค่าเดินทางหาหมอ (12) เรียนเสริมทักษะ-เปลี่ยนอาชีพ ฟรีไม่จำกัดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และคูปองเรียนเสริม สำหรับวัยสูงวัย ประกอบด้วย (13) เงินผู้สูงวัยเดือนละ 3,000 บาท สร้างระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง (14) ค่าทำศพถ้วนหน้า 10,000 บาท ทั้งนี้ ทุกอายุ ประกอบด้วย
(15) บ้านตั้งตัว 350,000 หลัง รัฐช่วยผ่อน-จ่ายค่าเช่า (16) น้ำประปาดื่มได้ทุกพื้นที่ (17) เติมเงินให้ท้องถิ่น เพิ่มขนส่งสาธารณะ (18) เน็ตฟรี 1 GB ต่อเดือน (19) เงินคนพิการเดือนละ 3,000 บาท
ขณะที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงแหล่งที่มาของงบประมาณ 650,000 ล้านบาท ภายในปีงบประมาณ 2570 ที่จะต้องนำมาสร้างระบบสวัสดิการตามข้อเสนอของพรรคก้าวไกลโดยถือเป็นความรับผิดชอบของพรรคที่ต้องแจกแจงที่มารายได้ทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมากับประชาชน เพื่อยืนยันว่าสวัสดิการทั้งหมด มีเงินจ่าย ทำได้จริง
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า หลักการสำคัญของพรรคก้าวไกลในการจัดหางบประมาณ คือต้องไม่สร้างผลกระทบต่อคนหมู่มาก โดยการเริ่มต้นที่การตัดลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น เช่น ลดขนาดกองทัพและเรียกคืนธุรกิจกองทัพ ลดงบกลางลดโครงการที่ไม่จำเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพและความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีที่มีอยู่แล้ว เช่น การจัดเก็บภาษีรายได้นิติบุคคลที่เป็นธรรมระหว่างทุนใหญ่กับผู้ประกอบการรายย่อย และการพิจารณาภาษีก้าวหน้าประเภทใหม่ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ภาษีที่ดินรวมแปลงในกรณีที่บุคคลครอบครองที่ดินจำนวนมากที่กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดทั่วประเทศ และ ภาษีความมั่งคั่ง ด้วยการเก็บภาษีความมั่งคั่งแบบขั้นบันไดจากบุคคลที่มีทรัพย์สินสุทธิเกิน 300 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท