'พิธา' แฉแก้กฎกระทรวงการผลิตสุรา สร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ กีดกันผู้ประกอบการรายย่อย

'พิธา' จับพิรุธรัฐบาล แก้กฎกระทรวงการผลิตสุราจงใจใช้เป็นข้ออ้างล้มกฎหมายสุราก้าวหน้า แฉสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ที่ยังมีผลกีดกันผู้ประกอบการรายย่อย ป้องผลประโยชน์กลุ่มทุน จึงอย่าหลงเชื่อวาทกรรมที่รัฐบาลพูด

2พ.ย.2565 - นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าภรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า

[ แก้กฎกระทรวงการผลิตสุราก่อนหน้าการลงมติเพียง 1 วัน คือความจงใจใช้เป็นข้ออ้างล้มกฎหมาย #สุราก้าวหน้า ]
.
ในขณะที่ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2-3 ในสภาวันพรุ่งนี้ ซึ่งแนวโน้มของกฎหมายนี้คือ “ผ่าน” ทว่าอยู่ดีๆ ครม. กลับมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา ออกมาก่อนที่จะมีการพิจารณา พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เพียง 1 วัน
.
สำหรับกฎหมายสุราก้าวหน้า ก่อนที่จะเดินทางมาถึงการลงมติครั้งสุดท้ายของสภาในวันพรุ่งนี้ ส.ส.เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ได้ทำงานมาแล้ว 6 ปี ตั้งแต่ก่อนมีพรรคอนาคตใหม่ และเมื่อเราได้เข้าสู่สภาก็ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะแก้กฎกระทรวงฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็น การยื่นหนังสือถึงกรมสรรพสามิต การผลักดันผ่านกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ และความพยายามทั้งในที่แจ้งและทางลับอื่นๆ เพื่อผลักดันให้กฎกระทรวงมีการแก้ไข คู่ขนานไปกับการผลักดันแก้กฎหมายผ่านสภาซึ่งกว่าจะถูกบรรจุเข้าระเบียบวาระต้องใช้เวลาอันยาวนาน
.
แต่สิ่งที่เราได้รับจากรัฐบาลและฝ่ายบริหารมีแต่ความเงียบ…
.
นั่นทำให้ความหวังสุดท้ายของการปลดล็อกธุรกิจสุราไทยให้เป็นของประชาชนมีเพียงหนทางเดียว คือกฎหมาย #สุราก้าวหน้า ที่ ส.ส. หลายคนจากหลายพรรคเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ของประชาชน และด้วยความร่วมมือร่วมใจของ ส.ส. ทุกพรรคก็ทำให้กฎหมายฉบับนี้เดินทางมาถึงบทสุดท้าย คือการลงมติวาระ 2-3 วันพรุ่งนี้
.
ถ้ามีความพยายามผลักดันแก้กฎกระทรวงเร็วกว่านี้สัก 4 ปี ผมอาจจะชื่นชม แต่การออกกฎกระทรวงตัดหน้าการลงมติ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ทำให้เราตีความเจตนาของรัฐบาลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการคว่ำกฎหมายสุราก้าวหน้าที่พรรคก้าวไกลเสนอ
.
สิ่งที่เราต้องเน้นย้ำตรงนี้ก็คือ กฎกระทรวงที่รัฐบาลออกมา “ไม่ใช่การปลดล็อกธุรกิจสุราให้เป็นของประชาชน” แต่เป็นการสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ที่ยังมีผลในการกีดกันผู้ประกอบการรายย่อย ไม่ว่าจะเป็น
- ยังคงเพดานไม่ให้ผลิต “เพื่อการค้า” หรือผลิตมากกว่า 200 ลิตร ต่อปี แต่ไม่ว่าจะผลิตเพื่อการค้าหรือไม่ ก็ต้อง “ขออนุญาต” จากกรมสรรพสามิต ทั้งๆ ที่ในกฎหมายสุราก้าวหน้า เพียงแค่ “จดแจ้ง”
- ใครที่ต้องการผลิตเพื่อการค้า ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วน
- ต้องมีกำลังการผลิต 5 แรงม้า คนงาน 7 คน ให้ครบ 1 ปี ก่อน ถึงจะขยับขยายไปผลิต 50 แรงม้าได้
- โรงเบียร์ที่ทำการขาย ณ สถานที่ผลิตหรือ Brewpub ต้องมีใบอนุญาตโรงงานอุตสาหกรรม
- ผู้ประกอบการที่ต้องการขายแบบบรรจุขวด ต้องผ่านการทำ EIA ซึ่งต้นทุนในการทำสูงมาก 3-5 ล้านบาท
- การผลิตสุรากลั่นชนิดพิเศษ วิสกี้ ยิน บรั่นดี ยังคงกำลังการผลิตขั้นต่ำ 30,000 ลิตรต่อปี สุรากลั่นอื่นยังคงต้องมีกำลังการผลิตขั้นต่ำ 90,000 ลิตรต่อปี และต้องมีใบอนุญาตโรงงาน
.
ดังนั้น อย่าไปหลงเชื่อวาทกรรมที่รัฐบาลพูด ที่บอกว่าเมื่อมีการแก้ไขกฎกระทรวงแล้วเราไม่จำเป็นต้องมีกฎหมาย #สุราก้าวหน้า เพราะในความเป็นจริงยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่ถูกร่างขึ้นมาเพื่อเป็นข้อจำกัดไม่ให้มีการปลดล็อกการผลิตอย่างแท้จริง
.
นี่คือความพยายามด่านสุดท้ายในการใช้อำนาจฝ่ายบริหารปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุน พรรคก้าวไกลเรายืนยันว่าทางออกของการปลดปล่อยธุรกิจสุราออกจากมือนายทุน ต้องเป็นกฎหมายสุราก้าวหน้าเท่านั้น เพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้การผูกขาดทางธุรกิจกลับมาอีก ไม่ใช่เพียงแค่การใช้อำนาจของคนไม่กี่คนเปลี่ยนกฎกระทรวง
.
ผมขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า ถ้าท่านมีความจริงใจ พรุ่งนี้ยังทันที่ท่านจะตัดสินใจสนับสนุนกฎหมายสุราก้าวหน้า เพื่อให้เม็ดเงินธุรกิจสุราหลายแสนล้านบาทต่อปี กระจายออกจากมือเจ้าสัวไปถึงมือประชาชน
.
#ต้องก้าวไกล ให้สุราไทย สินค้าเกษตรไทย การท่องเที่ยวไทย ก้าวหน้า

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิธา' ทวงบุญคุณเอ็มโอยูยกเก้าอี้ประธานสภาให้จี้เร่งทำ 3 เรื่อง

'พิธา' ทวงสัญญาพรรคการเมือง-ครม. กลางสภายกเอ็มโอยูตั้ง รบ.ไม่สำเร็จ แต่ขอให้ผลักดัน 3 ข้อ รัฐสภาก้าวหน้า-นิรโทษฯ-ปฏิรูปกองทัพ

'อนาคตไกล' หนุนกกต.แจงยุบพรรคถูกต้องแล้ว เย้ย 'ก้าวไกล' เมาหมัด ออกอาการขั้นโคม่า

'ทนายณัษฐพล' มือกฎหมายพรรคอนาคตไกล ชี้ กกต.แถลงข้อกฎหมายยุบพรรคทำถูกต้องแล้ว เข้าเกณฑ์ม.92 ยื่นต่อศาลรธน.โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวน เย้ย 'ก้าวไกล' เมาหมัด ออกอาการขั้นโคม่า

“บีไอจี” จับมือ “กรมสรรพสามิต” ลงนาม MOU เพื่อสร้างความร่วมมือในการวัดปริมาณการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

บีไอจี จับมือ กรมสรรพสามิต ลงนามความร่วมมือในการจัดการตรวจสอบและวิเคราะห์ แนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้งานและการบำรุงรักษาพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้ Carbon Management Platform ที่พัฒนาโดยบีไอจี