'ดร.ส้ม' ภูมิใจดันกฎหมาย 'ฉีดไข่ฝ่อ' สำเร็จ เผยหากยึดทางสายกลางจะทำประโยชน์ให้เกิดกับปชช.ได้


'ดร.ส้ม' เปิดใจ'ทำงานการเมือง'มุ่งสร้างความปลอดภัยโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางภูมิใจดันกฎหมาย'ฉีดไข่ฝ่อ' เพื่อยับยั้งป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น จนสำเร็จ เผยหากอยู่ในทางสายกลางจะสามารถผลักดันประโยชน์ให้เกิดกับประชาชนได้

28 ต.ค.2565 - น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ หรือ 'ดร.ส้ม' ส.ส.กทม.เขต2 ปทุมวัน บางรัก สาทร และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้

“ทำงานการเมือง”….ยาวหน่อย แต่ลองอ่านดูนะคะ(แล้วจะเข้าใจคำว่าส.ส.มากขึ้นค่ะ)

วันนี้ส้มได้เข้าสู่การเมืองอย่างเต็มตัว แต่สำหรับส้ม คือการเข้ามา”ทำงานการเมือง” ไม่ใช่การเล่นการเมือง ส้มยึดคติในการทำงาน คือการพยายามทำสิ่งที่จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ บ้านเมือง อย่างแท้จริง ถ้าใครได้ติดตามผลงานของส้ม ในทุกบทบาทหน้าที่ที่ได้รับในสายการเมือง ทั้งเรื่องการสื่อสาร ส้มพยายามที่จะสื่อสารในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่สร้างสรรค์ เพราะส้มอยากให้ประชาชน ได้รับรู้สิ่งที่ถูกต้อง และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง แม้ว่าสิ่งที่สื่อสารออกไป อาจจะไม่ได้รับความสนใจสักเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยที่สุด ตัวส้มเอง ได้ตั้งใจทำในสิ่งตั้งไว้ และสักวันนึง หวังว่าจะสามารถเปลี่ยนอะไรได้บ้าง ไม่มากก็น้อย….

และสำหรับบทบาทของการทำหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต2 กทม.ปทุมวัน บางรัก สาทร(ส.ส.) ส้มก็ยังคงลงพื้นที่ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่างๆ และได้เห็นโลกของความจริง ว่าเราควรมีการพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขอะไรบ้าง ซึ่งแม้ว่า สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่หน้าที่หลักของส.ส. แต่เราก็พอจะมีพลังในการที่จะเป็นคนกลางช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งเสียงของเราที่เป็นตัวแทนเสียงของพี่น้องประชาชนที่เลือกเรามา จะได้นำเสนอส่งต่อ ในระดับนโยบาย ให้กับฝ่ายบริหาร (ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อาจได้รับการผลักดันมาก หรือ น้อย ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติและการเปิดรับความเห็นของผู้บริหารด้วย ดังนั้นการเปิดรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายบริหารก็สำคัญ ที่จะเชื่อมโยงตัวแทนของพี่น้องประชาชนกับนโยบายที่จะเกิดขึ้นค่ะ) และส้มก็พยายามทำเต็มที่…

และแน่นอนค่ะ หน้าที่ของส.ส. คือฝ่ายนิติบัญญัติ นั่นคือการทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ดังนั้นส้มตระหนักถึงสิ่งที่ประชาชนได้เลือกส้มเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนนี้ อย่างเต็มที่ มีเรื่องต่างๆ มากมาย ที่ต้องมาศึกษา และพิจารณากัน ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละท่าน ส่วนตัวส้มเอง ส้มจบด้านอาชญาวิทยา และเล็งเห็นว่า สิ่งสำคัญที่เราทุกคนในสังคมต้องการ คือความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง วันนี้ประเทศเราค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องเพศมากขึ้น สำหรับส้มเอง ส้มไม่รู้สึกว่า การทำงานของส้มจะแตกต่างกับเพศอื่น ความสามารถที่ส้มมี ความตั้งใจที่ส้มมี และการได้รับการยอมรับ ส้มคิดว่าประเทศเราค่อนข้างพัฒนามาไกลแล้วระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ส้มปฏิเสธไม่ได้เลย ที่ไม่สามารถเหมือนกับผู้ชายได้คือ ด้วยสรีระของเรา ที่บอบบางกว่าเพศชาย อาจส่งผลให้เรามีโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อได้มากกว่า อาจทำให้เรามีข้อจำกัดในการทำงานบางประการ เช่น การเดินทางในช่วงเวลามืดค่ำ ในสถานที่เปลี่ยว เป็นต้น

ส้มจึงได้เริ่มต้นศึกษา และได้เสนอ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำฯ หรือที่รู้จักกันว่า “ฉีดไข่ฝ่อ” (ซึ่งที่จริงมีมาตราการต่างๆ ที่มากกว่าการฉีดไข่ฝ่อ) ขึ้น เพื่อที่จะช่วยสร้างให้สังคมมีความปลอดภัยมากขึ้น และส้มเชื่อว่า การทำงานเช่นนี้ ที่เรามุ่งเน้น ในการทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง เราก็ก้าวข้ามผ่านคำว่า “เล่นการเมือง” ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล รวมทั้ง สมาชิกวุฒิสภา ต่างให้การเห็นชอบพ.ร.บ.ฉบับนี้ เกือบจะเอกฉันท์ ทำให้การผลักดันสิ่งเหล่านี้ของส้มประสบความสำเร็จ….และแน่นอนค่ะ ขอบพระคุณ ท่านรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่มีทัศนคติที่เปิดกว้าง ยอมรับฟังเสียงน้อยๆของส้มและสมาชิกที่เคยเข้าไปพูดคุยหารือ ในประเด็นเหล่านี้ และก็มีแนวคิดที่ตรงกัน ทำให้ได้รับการผลักดันอย่างเต็มที่จากท่านรัฐมนตรี ซึ่งมีการเสนอพ.ร.บ.เช่นเดียวกัน รวมทั้งท่านยังได้ขับเคลื่อนงานในระดับนโยบาย ที่เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วยค่ะ..

บางคนอาจไม่ได้รู้สึกว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะมีความสำคัญอย่างไรกับตนเอง รู้สึกห่างไกลกับตนเองมาก..แต่ถ้าเหตุการณ์ร้ายแรงนี้เกิดขึ้นกับคุณ หรือคนที่คุณรัก คุณจะเล็งเห็นประโยชน์ของมันอย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้น พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อยับยั้ง ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงขึ้นค่ะ

วันนี้ส้มรู้สึกดีใจอย่างมากค่ะ ที่การเป็น ส.ส.ของส้ม ในสมัยแรก ได้ผลักดันกฎหมายฉบับนี้ได้สำเร็จ เป็นความภาคภูมิใจ เพราะหลายท่านคงทราบ กระบวนการต่างๆ ในการออกกฎหมาย ไม่ได้ง่ายเลย…เสียงทุกเสียงที่ประชาชนเลือกส้มมา ส้มทำงานอย่างเต็มที่จริงๆค่ะ.. และในวันนี้ ส้มก็คือตัวแทนของชาวไทยไม่เพียงแต่กทม.เขต2 แต่ส้มคือตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ สิ่งที่ทำก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับคนไทยทุกคนค่ะ… ไม่เพียงแต่การออกกฎหมายนะคะ ส้มก็ได้พยายามประสานงานกับหลายๆหน่วยงานค่ะ ที่จะพยายามผลักดันในเรื่องของความปลอดภัย เพื่อให้ครอบคลุมในทุกส่วน รวมทั้งในเรื่องอื่นๆด้วยค่ะ เช่น เรื่อง การบรรจุเรื่องCPR ในแผนการเรียน, การใช้สมุนไพรไทย ฯลฯ

ส้มเชื่อว่า หากเราไม่เสนอสิ่งที่สุดโต่งเกินไป ให้อยู่ในทางสายกลาง เราจะสามารถผลักดันประโยชน์ให้เกิดกับประชาชนได้อย่างแน่นอนค่ะ

และนี่คือสิ่งที่ทำให้เห็นแล้วค่ะ ถึงความสำเร็จของ “การทำงานการเมือง” เพื่อพี่น้องประชาชน ที่ปราศจากความขัดแย้ง

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เผยข่าวดี ครม.ช่วยลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ลดดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้ 

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้

ครม. อนุมัติงบ 1.9 พันล้าน ช่วยบรรเทาค่าไฟกลุ่มเปราะบาง เดือน ก.ย.-ธ.ค.67

นายคารม พรพลกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 เคยอนุมัติหลักการช่วยบรรเทาค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง วันนี้ (11 ธ.ค.) ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณ 1,900 ล้านบาท

“กระทรวง พม.” ช่วยคนกลุ่มเปราะบาง 5 จว.พื้นที่น้ำท่วมใต้

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 ที่กระทรวง พม. นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ตามที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

'อนุทิน' ลงพื้นที่นราธิวาส ช่วยเหลือปชช.น้ำท่วม เร่งอพยพชาวบ้าน เข้าศูนย์พักพิง

ที่ ศาลากลาง จ.นราธิวาส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้เรียกประชุมส่วนราชการ เพื่อติดตามปัญหาอุทกภัย

โฆษกฯ ฝากเตือนลูกหลานช่วยกลุ่มเปราะบางที่โอนเงินหมื่นไม่สำเร็จ

“ จิรายุ ”ฝากลูกหลานช่วยเตือนญาติผู้ใหญ่คนใกล้ชิด 4 หมื่นกว่าคนที่รัฐโอนเงินหมื่นให้ไม่ได้ เหตุไม่ได้ทำพร้อมเพย์ แนะอย่าปล่อยให้เสียโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและคนพิการ หลังรัฐจะปิดโอนหมดสิทธิ 19 ธ.ค. นี้

บ้านเดียวได้เงินหมื่น 9 คน รวมเกือบแสน เผยซื้อข้าวสารหอมมะลิเป็นสิ่งแรก

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ อ.พล จ.ขอนแก่น หลังพบว่ามีผู้ที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทผ่านสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ครอบครัวเดียวเกือบ 100,000 บาท ตามสิทธิ์ที่ได้รับ