'นิด้าโพล' เปิดผลโพลประชาชนหนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยันไม่มีพรรคใดได้เปรียบ

14 พ.ย. 2564 – ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เลือกตั้งบัตร 2 ใบ ใครได้เปรียบ” ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการใช้บัตร 2 ใบ ในการเลือกตั้ง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการใช้บัตร 2 ใบ ในการเลือกตั้ง (แบบเขต และแบบบัญชีรายชื่อ) พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.62 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 24.66 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 15.02 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 6.45 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 3.72 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ และร้อยละ 0.53 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับพรรคการเมืองที่ประชาชนคิดว่าจะได้เปรียบจากการใช้บัตร 2 ใบ ในการเลือกตั้ง พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.38 ระบุว่า ไม่มีพรรคการเมืองใดได้เปรียบ รองลงมา ร้อยละ 23.75 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 22.00 ระบุว่า พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 18.36 ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 4.86 ระบุว่า พรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ1.29 ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 2.28 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคเพื่อชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคกล้า พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยภักดี และพรรคประชาชาติ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อความเป็นไปได้ที่จะทำให้มีพรรคชนะการเลือกตั้งได้ ส.ส. เกินครึ่งของสภา (มากกว่า 250 คน) จากการใช้บัตร 2 ใบ ในการเลือกตั้ง (แบบเขต และแบบบัญชีรายชื่อ) พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.67 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ รองลงมา ร้อยละ 26.71 ระบุว่า เป็นไปได้มาก ร้อยละ 11.08 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 8.50 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 8.04 ระบุว่า ไม่ค่อยเป็นไปได้

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงแนวโน้มการตัดสินใจลงคะแนนในการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ (แบบเขต และแบบบัญชีรายชื่อ) พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.59 ระบุว่า บัตรทั้ง 2 ใบ เลือกพรรคเดียวกัน รองลงมา ร้อยละ 27.84 ระบุว่า บัตร 2 ใบ เลือกต่างพรรคกัน ร้อยละ 17.83 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ ร้อยละ 4.02 ระบุว่า บัตรทั้ง 2 ใบจะไม่เลือกใคร (Vote NO) ร้อยละ ระบุว่า 2.58 ระบุว่า บัตรใบหนึ่งจะไม่เลือกใคร (Vote NO) และร้อยละ 1.14 ระบุว่า จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โพลชี้ ปี 67 คนเหนื่อยหน่าย ‘รายได้ต่ำ-เศรษฐกิจตก’

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา”

คน กทม. เกินครึ่งไม่เห็นด้วยมาตรการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด

นย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง “สองมาตรการใหม่ คน กทม. จะเอาไง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานคร หากมีการใช้มาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเก็บขยะและค่าธรรมเนียมรถติด

ผลโพลสูสี คนอยากแก้ กับ ไม่อยากแก้ 'รธน.' มีใกล้เคียงกัน

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ

‘เทพไท’ สะท้อนประสบการณ์ตรง ‘ยุบพรรค-ตัดสิทธิ์การเมือง’ ทำได้แค่ไหน

ในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรง และถูกศาลอาญาพิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี จนถูกคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) ห้ามใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งในทุกกรณี

'นิด้าโพล' ชี้ประชาชน กว่า 61% ไม่เห็นด้วยกับโทษยุบพรรค ในคดีล้มล้างการปกครอง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ

โพลชี้คนเกินครึ่งไม่เข้าใจ MOU44 - เกาะกูด

นิด้าโพลเผยผลสำรวจประเด็น MOU 44 และเกาะกูด พบว่าประชาชนไม่เข้าใจเลย สูงถึง 58.86% และส่วนใหญ่ไม่ต้องการเข้าใจข้อโต้แย้งและสถานการณ์ที่ชัดเจน ส่วนคนที่เข้าใจมากและค่อนข้างเข้าใจ ชี้ 1 ใน 3 ไม่ไว้วางใจรัฐบาลปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้