ปชป. ตั้ง 2 คณะใหญ่สู้เลือกตั้ง กทม. ‘เอ้’ ปธ.นโยบาย ‘เดียร์’ คุมนวัตกรรม

พรรคประชาธิปัตย์ แถลงแต่งตั้ง 2 คณะทำงานใหญ่สู้ศึกสนามกรุงเทพฯ ‘ดร.เอ้’ นั่งปธ.ทำนโยบายเพื่อคนกรุงฯ ‘มาดามเดียร์’ คุมนวัตกรรมการเมือง ‘องอาจ’ ชี้เร็วเกินไปตั้งเป้าเก้าอี้ส.ส. 

10 ต.ค.2565- ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ดูแลกรุงเทพมหานคร(กทม.) แถลงข่าวแต่งตั้งนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้) เป็นประธานคณะทำงานนโยบายกทม. และน.ส.วทันยา บุนนาค (มาดามเดียร์) เป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกทม.

นายองอาจ แถลงว่า 3 ส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย หนึ่ง ส่วนยุทธศาสตร์เลือกตั้ง  โดยการเลือกตั้งส.ส.ครั้งที่จะถึงนี้ กทม. มี33 เขต ดังนั้นการกำหนดยุทธศาสตร์จึงเป็นหัวใจสำคัญ สอง ส่วนนโยบาย พรรคจะมีเป็นโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน สอดคล้องกับนโยบายระดับประเทศ และสาม ส่วนของตัวผู้สมัครส.ส. ที่ผ่านมาเตรียมการไว้จำนวนหนึ่งแล้ว โดยมีทั้งอดีตส.ส. และคนรุ่นใหม่ ครึ่งต่อครึ่ง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ประชาชน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ลงนามแต่งตั้งนายสุชัชวีร์ให้เป็นประธานคณะทำงานนโยบายกทม. และแต่งตั้ง น.ส.วทันยา เป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง

ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ปัญหากทม. เป้นปัญหารากลึก เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงจำเป็นต้องผลักดันเป็นนโยบาย เป็นภาพใหญ่ ทั้งนี้ เหตุผลที่ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะพรรคได้จัดทำนโยบายด้วยวามตั้งใจ ทั้งยังเป็นนโยบายที่ทำได้จริง มีความทันสมัย รองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ต้องกลับมาแก้ไขซ้ำซาก นโยบายของพรรคที่จะเกิดขึ้นจะต้องเป็นนโยบายจากประชาชน มีประชาชนเป็นตัวตั้ง พรรคจะลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อสกัดเป็นนโยบายของพรรคต่อไป

ขณะที่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า นวัตกรรมในการเมืองมีความหมายว่าการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยพรรคจะยึดโยงกับภาคประชาชน รวมถึงการพลังคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดนอกกรอบ ไม่ยึดติดสิ่งเดิม ที่สำคัญ คือการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต เหมือนที่เคยกล่าวไว้เมื่อตอนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคว่าจะเข้ามาเป็จุดเชื่อมช่วงวัยของสองรุ่น

ถามถึงขอบเขตการทำงานของคณะทำงานทั้งสองชุด นายองอาจ ชี้แจงว่า คณะทำงานทั้งสองชุดจะทำนโยบายของกทม.ทั้งหมดซึ่งทำมาระยะหนึ่งแล้ว อีกส่วนคือรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะกลายเป็นนโยบายของพรรคต่อไป เพื่อตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของประชาชน

ซักถึงความพร้อมตัวผู้สมัครส.ส.กทม. ใน 33 เขต นายองอาจ กล่าวว่า ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)แบ่งเขตออกมาเสียก่อน และทันทีที่แบ่งเขตเรียบร้อยพรรคก็พร้อมประกาศตัวผู้สมัครส.ส. โดยขณะนี้พรรคมีผู้เสนอตัวมากกว่า 33 คน 33 เขต ซึ่งจะต้องพิจารณาบุคคลให้เหมาะสมกับเขตเลือกตั้งให้มากที่สุด

“พรรคไม่มีนโยบายที่จะไปจีบใครหรืออ้อนวอนใครให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เราจะถือเอาเจตจำนงเป็นที่ตั้ง ต้องแสดงเจตจำนง แสดงความประสงค์” 

ถามถึงความมั่นใจที่จะได้ส.ส.กลับคืนมาในพื้นที่กทม. นายองอาจ กล่าวว่า การเลือกตั้งกทม.จะแตกต่างจากหลายภาค กทม.มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตลอดเวลา ดังนั้น จึงเร็วเกินไปที่จะพูดถึงตัวเลขส.ส.ในกทม. วันนี้เป็นเพียงวันเริ่มต้นในกานำเสนอสิ่งที่จะพัฒนาก้าวหน้าแก่ประชาชนภายหลังจากที่เราได้ทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว เราได้บุคลากรที่มีคุณภาพ จึงเชื่อมั่นว่าจากการเปลี่ยนแปลง เราจะสามารถประสบความสำเร็จได้

ถามย้ำว่านายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ประเมินจะได้ส.ส.กทม.  7-8 ที่นั่ง นายองอาจ กล่าวว่า เป็นการประเมินโดยทั่วไป แต่สำหรับตนเห็นว่า กทม.มีลักษณะพิเศษเฉพาะ จึงเร็วเกินไปที่จะประเมิน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อากาศเปลี่ยนแปลง ‘กทม.’ อุณหภูมิลดลง ‘เหนือ-อีสาน’ หนาวเย็น ‘ภาคใต้’ ฝนตก

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว

ตอกยํ้าดีลฮ่องกง ลิ่วล้อแจงแทนนาย ‘พรรคส้ม’ ยากเป็นรัฐบาล

ตอกย้ำดีลฮ่องกงเหลว! "ณัฐวุฒิ" ขยายความ "ทักษิณ" คุย "ธนาธร" แค่เล่าชะตากรรม ไม่มีการพาดพิง ม.112 กับก้าวไกล เผยตั้งแต่โหวต "พิธา"

'พิธา' คุยพรรคประชาชนแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้

ที่จ.อุดรธานี แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก องค์การ​บริหาร​ส่วน​จังหวัด​ (อบจ.)​ อุดรธานี ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 2567 ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก