'ก้าวไกล' เปิดหน้าชน ซัดคำวินิจฉัยศาล รธน.ไม่ดีต่อสังคมประชาธิปไตย

“ก้าวไกล”เปิดหน้าชน ชี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ดีต่อสังคมประชาธิปไตย สบช่องกล่าวหาเยาวชน ลั่นหากเกิดความรุนแรงศาลและเครือข่ายต้องรับผิดชอบ

11 พ.ย.2564 - นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนแถลงจุดยืนของพรรคก้าวไกล ภายหลังจากที่นายณฐพร โตประยูร ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อให้นำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในข้อหาล้มล้างการปกครองของแกนนำม็อบราษฎร ไปประกอบคำร้องในการพิจารณาเพื่อยุบพรรคก้าวไกล ฐานให้การสนับสนุนการเงิน และใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวผู้ต้องหา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 รวมถึงเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า พรรคก้าวไกลมีความเห็น ดังนี้ 1.ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำวินิจฉัยของศาล รธน.เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่หลักกฎหมาย ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และความชัดเจนแน่นอนของคำวินิจฉัย น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าหลังจากนี้จะไม่มีความชัดเจนเลยว่ากลุ่มองค์กร เครือข่าย ที่ในคำวินิจฉัยศาลสั่งว่าต้องหยุดการกระทำที่ล้มล้างการปกครองหมายถึงใครบ้าง การใช้สิทธิเสรีภาพที่ถูกวินิจฉัยว่าล้มล้างเป็นในรูปแบบใด ซึ่งไม่ดีต่อสังคมประชาธิปไตยเลย

“พรรคก้าวไกลเห็นว่า คำวินิจฉัยศาลอาจส่งผลผลักให้การหาทางคลี่คลายปัญหาความเห็นแตกต่างทางการเมืองหดแคบลง เพราะรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม จะนำคำวินิจฉัยศาลไปเป็นฐานกล่าวหาโจมตีการแสดงออกทางการเมืองของเยาวชน และประชาชนจำนวนมากแบบเหมารวมว่าเป็นขบวนการล้มล้างการปกครอง อาจเกิดการขีดเส้นแบ่งทางการเมืองแบบสุดขั้วรุนแรงมากขึ้น ระหว่างขบวนการล้มล้างการปกครอง กับขบวนการปกป้องระบอบการปกครอง พวกเราเห็นว่าเป็นสิ่งไม่พึงปรารถนา” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า กระบวนการยุติธรรมในคดีอาญาต่างๆ ทางการเมือง ที่ปัจจุบันถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางว่ามีการบังคับใช้กฎหมายอย่างบิดเบือนหรือไม่ ปัญหานี้ก็จะรุนแรงมากขึ้น พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การคลี่คลายปัญหาดังกล่าวต้องอาศัยความเข้าใจต่อความจริงอันน่ากะอักกะอ่วนใจแห่งยุคสมัยให้ถูกต้อง อย่างมองว่าเป็นภัยของชาติ อย่างมองอนาคตของชาติเป็นศัตรู ต้องแสวงหากุศโลบายที่ดีในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันมหากษัตริย์กับสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ให้ได้ แต่คำวินิจฉัยศาลกลับจะยิ่งทำให้สังคมไทยหนีห่างจากเส้นทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงในสังคมได้ในอนาคต ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญและเครือข่ายต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ

เลขาฯ พรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า 2.ข้อกล่าวหาในการยุบพรรคก้าวไกล ไม่ว่าส.ส.ของเราจะไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม ไปประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีการเมือง รวมถึงการเสนอแก้มาตรา 112 ยืนยันว่าการกระทำของเราไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค เพราะเป็นการใช้สิทธิ ทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ที่ดีของประชาชน เป็นการประกันสิทธิที่รับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ ถ้าบอกว่าการไปประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 เป็นการล้มล้าง สังคมไทยต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าข้อหาใดบ้างต้องไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวโดยเด็ดขาด เพราะล้มล้าง แต่ปัจจุบันไม่ว่าประชาชนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมที่จะได้รับการประกันตัวออกมา จนกว่าคำพิพากษาจะถึงที่สุด การเสนอกฎหมาย ก็เป็นอำนาจ ส.ส.ในระบบปกติ ยืนยันว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้น เป็นการกล่าวหาเท็จ และมีเจตนาที่จะทำลายล้างพวกเราในทางการเมือง ไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค และเราจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด

“ไม่ว่าจะมีแรงเสียดทานอย่างไร พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะต่อต้านการล้มล้างการปกครองของคณะรัฐประหาร และฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างถึงที่สุด และยืนยันที่จะต่อสู้เพื่อพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน หากเราถอยห่างจากหลักการนี้ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะมีพรรคเราอยู่ ยืนยันที่จะต่อสู้เคียงข้างประชาชนอย่างถึงที่สุด” เลขาฯพรรคก้าวไกล ระบุ

เมื่อถามว่า หากถูกยุบพรรคจริงจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งสรุป ยืนยันว่าไม่มีเหตุเข้าข่ายยุบพรรคได้ เราไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ทุกอย่างเตรียมพร้อม และสังคมไทยต้องเตรียมตัวเมื่อไปถึงจุดนั้น เราต้องไม่อนุญาตให้มีการยุบพรรคด้วยเหตุจูงใจทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ถ้าปล่อยให้กลไกหรือกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะเป็นระเบิดลูกใหญ่ในอนาคตสำหรับสังคมไทย

ถามต่อว่าจะกระทบกับการแก้ไขกฎหมายมาตรา112 หรือไม่ เลขาฯ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่กระทบ เราได้เสนอตามกลไกสภาปกติอยู่แล้ว เพื่อเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติของสภา

ถามด้วยว่ากังวลหรือไม่ที่กลุ่มการเมืองบางกลุ่มจะใช้จุดนี้ ไปยื่นร้องเรียน หรือแจ้งความผู้ชุมนุม หรือพรรคการเมืองเพิ่มมากขึ้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ได้ชี้แจงไปแล้วว่า เรากังวลมากว่าคำวินิจฉัยศาลจะกลายเป็นฐานในทางการเมืองให้มีการเอาข้อหาล้มล้างการปกครองไปใช้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง ไม่มีขอบเขต และเข้าข่ายบิดเบือนการใช้กฎหมาย เพราะจะเกิดความตึงเครียดในสังคมรุนแรงมากขึ้น แทนที่จะช่วยกันหากลไก พื้นที่ปลอดภัยทางการเมือง ทำข้อตกลงกับผู้เห็นต่างอย่างสันติโอกาสจะน้อยลง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ

สาวกเพื่อไทย ยื่นศาลรธน.สอบ 'ธนพร' ละเมิดอำนาจศาล

ที่บริเวณ​หน้าศาลรัฐธรรมนูญ​ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร เดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นหนังสือร้อง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์

'ชูศักดิ์' เผย 'เพื่อไทย' ได้รับความเป็นธรรม ศาลรธน. ไม่รับคำร้องปมล้มล้างการปกครอง

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายอิสระ ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย(พท.) ยุติการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองจะผูกพันไปยังกรณีที่มีการยื่นคำร้องเดียว

'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง

จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ

'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.

หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ