กูรูเศรษฐกิจตัวแม่เพื่อไทย แช่งฉอดๆ รัฐบาลไร้เครดิต จัดประชุมเอเปคจะล้มเหลว เพราะไร้กึ๋น

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาก็เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ มือไม่ถึงในเรื่องเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้แสดงภาวะผู้นำ บริหารจัดการประชุม APEC กลับสู่กลไกปกติให้ได้

13 ก.ย. 2565- น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีความเป็นห่วงกรณีที่ไทย จะเข้าร่วมใน ‘กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก’ (Indo-Pacific Economic Framework : IPEF) ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศฉบับใหม่โดยสหรัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา และไทยเป็น 1 ใน 14 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี IPEF เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2565 ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา สาระสำคัญมี 4 เสาหลัก ได้แก่ ด้านการค้า ,ด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain),ด้านพลังงานสะอาด, ด้านภาษีและการต่อต้านการทุจริต ซึ่งจะส่งผลต่อการค้า การลงทุน ระหว่างประเทศสมาชิกในอนาคต กรอบความร่วมมือนี้ไม่ใช่ข้อตกลงทางการค้า อาจไม่ได้รับการผ่อนปรนทางการค้า เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ประเทศภาคีในกรอบ IPEF สามารถเลือกที่จะเข้าร่วมการเจรจาในเรื่องไหนก็ได้ โดยที่สมาชิกยังต้องทำตามมาตรฐานการค้าที่สูงของสหรัฐ หลายฝ่ายจึงมองว่า IPEF ดูเปิดกว้างแต่อาจเป็นเพียงกรอบความรอบมือที่สหรัฐต้องการรักษาบทบาทนำในการค้าโลกหรือไม่

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลไทยมีกึ๋นมากพอ จะเป็นโอกาสของไทยในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐได้ โดยต้องจับมือกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนเพื่อสร้างอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลผลการเจรจาอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมากับคนไทย บอกถึงข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบต่างๆและแผนการเตรียมรองรับในอนาคต และขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในกระบวนการเจรจามากที่สุด มิเช่นนั้นจะเหมือนกับที่รัฐบาลพยายามจะพาไทยเข้าร่วม ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก CPTPP ที่ผ่านมา ที่ไม่สามารถอธิบายข้อมูลให้กับคนไทยได้อย่างชัดเจน

ภายใต้บริบทการฟื้นตัวจากโควิด ภาวะเงินเฟ้อ วิกฤติอาหารโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความท้าทายอีกหลายประการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไทยในฐานะที่อยู่ระหว่างจีนและสหรัฐ ต้องวางบทบาทตัวเองอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาสมดุลทางการเมืองและการค้ากับประเทศมหาอำนาจที่เป็นคู่ค้าคนสำคัญของไทยอื่นๆ ด้วย

“สหรัฐฯ คาดว่าจะเจรจากรอบ IPEF แล้วเสร็จภายใน 12-18 เดือน หากยังเป็นการเจรจาภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ ดิฉันไม่อาจมั่นใจในฝีมือการเจรจาทางการค้าเพื่อให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดแต่อย่างใด เพราะภาพลักษณ์การเป็นรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ ทำให้แทบไม่เหลือเครดิตในการต่อรองเจรจาทางการค้ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว”

น.ส.จิราพร ยังเป็นห่วงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิค หรือ APEC ในเดือนพฤศจิกายน 2565 หลังจากในการประชุมระดับรัฐมนตรีการค้าเอเปค เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ไทยไม่สามารถควบคุมการประชุมให้อยู่ในเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจการค้าได้ และในการประชุมรัฐมนตรีเอเปควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ APEC Small and Medium Enterprises Ministerial Meeting ครั้งที่ 28 เมื่อวันที่ 9-10 กันยายน ที่จังหวัดภูเก็ต ที่ผ่านมา ประสบปัญหาเดียวกัน ประเทศสมาชิกหยิบยกประเด็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นในที่ประชุม จนทำให้ประเทศพันธมิตรจำนวน 6 ประเทศ ได้รวมตัวกันออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนที่ต่อต้านรัสเซียซึ่งเป็นชาติสมาชิกเอเปค อย่างต่อเนื่อง เป็นการกดดันกลายๆ ให้ไทยในฐานะประธานต้องแสดงจุดยืนในประเด็นความขัดแย้ง และหากไทยไม่มีความพยายามที่จะป้องกันหรือแก้ไขความขัดแย้งไม่ให้ที่ประชุม APEC กลายเป็นสนามประลองกำลังทางการเมืองของชาติสมาชิกซ้ำๆ ทุกการประชุมเช่นนี้ จึงคาดการณ์ได้ว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่จะเกิดขึ้นเดือนพฤศจิกายนนี้อาจจะเกิดปัญหา และอาจทำให้ APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพล้มเหลว ไม่สามารถผลักดันให้เกิดฉันทามติในประเด็นเศรษฐกิจที่ไทยให้ความสำคัญได้

“เห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกรอบความตกลง IPEF หรือ การประชุม APEC ผู้นำประเทศต้องมีวิสัยทัศน์ แต่เมื่อมองไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาก็เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ มือไม่ถึงในเรื่องเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้แสดงภาวะผู้นำ บริหารจัดการประชุม APEC กลับสู่กลไกปกติให้ได้ และทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้คุ้มกับเงินภาษีของประชาชนที่ใช้ไป การที่ไทยได้โอกาสในการเป็นประธานในการจัดเอเปค เป็นโอกาสที่จะทำให้ทั่วโลกได้เห็นถึงศักยภาพของไทยที่มีอยู่ ต้องเกิดประโยชน์กับประเทศไทยและคนไทยมากที่สุด แต่หากทำไม่ได้ก็ขอให้พิจารณาตัวเองว่าเหมาะสมจะเป็นรัฐบาลต่อหรือไม่ ทางที่ดีที่สุด หากเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชนจริง พลเอกประยุทธ์ ไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีหรือไม่ ควรลาออกเพื่อเปิดทางให้มีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมาแทน” น.ส.จิราพร กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

'วัน' ซบพลังประชารัฐ ซูฮก 'บิ๊กป้อม' ใจถึงพึ่งได้

นายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในสัปดาห์หน้าว่า เป็นตามกระแสข่าวที่ออกไป โดยตนจะเดินทางไปสมัครในวัน

'เหลิม' ดอดพบ 'ป้อม' สัปดาห์หน้า 'วัน' สมัครสมาชิกพรรคใหม่

รายงานข่าวแจ้งว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เข้าพบหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชา

ชี้ 'ทักษิณ' พ้นโทษ 'เศรษฐา' จะมีความทุกข์อย่างมากที่สุด

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ช่วงหนึ่งถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม บอกทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษแล้วสามารถช่วยงานรัฐบาล และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้นั้น

'ภูมิธรรม' ยันยังไม่เลิก 'ไร่ละพัน' แจง 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' หวังช่วยชาวนาอีกทาง

'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ยกเลิกไร่ละพัน พร้อมดึงกลับมาใช้ถ้าราคาข้าวตก ย้ำคนละส่วนกับปุ๋ยคนละครึ่ง ชี้ สส. รุมค้าน เหตุไม่เข้าใจถ่องแท้ไปฟังเกษตรกรมา