ฝ่ายค้านจัดเวทีเสวนากระซวกปม 'นายก 8 ปี' จับตาคำตัดสินของศาลฯ พิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์

21 ส.ค. 2565 – เวลา 9.30 น. ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต โครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดเสวนา ‘อนาคตประเทศไทย บนเส้นทางประชาธิปไตย’ มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล รอ.จารุพล เรืองสุวรรณ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การสื่อสารและรณรงค์นโยบาย พรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) ร่วมเสวนา

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พรรคที่มีเสียงรองลงมาจากเสียงข้างมาก ไปรวบรวมพรรคเล็ก พรรคน้อยจัดตั้งรัฐบาล เอาสว.สรรหา 250 มาเลือกนายกฯ พรรคฝ่ายค้าน ขอแก้รัฐธรรมนูญให้สว.ที่มาจากการเลือกตั้ง มาร่างรัฐธรรมนูญ สุดท้ายไม่สำเร็จ เรื่องใหญ่ของประเทศ ตราบใดยังมีรัฐธรรมนูญนี้อยู่ โอกาสที่ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยยากมาก ในรัฐธรรมนูญกำหนดกลไกลอะไรไว้มาก มียุทธศาสตร์ชาติ20ปี และต้องให้รัฐมนตรีทำตาม ไม่เช่นนั้นอาจถูกปลดออก โดนร้องเรียนได้ ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ยังมุ่งมั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีสสร. ตอนนี้มีร่างที่ขอแก้ไขค้างไว้ในสภาฯ รออยู่ในวาระ สาระสำคัญคือ ขอให้นายกฯมาจากส.ส.

นายชูศักดิ์กล่าวว่า วันที่ 24 ส.ค. นายกฯคงจะประเมิน จะผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าประเมินไม่ผ่าน โอกาสยุบสภาฯก็มี ความเห็นส่วนตัว ตามเจตนารมณ์การกำหนดวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ8ปี เพื่อป้องการผูกขาด สืบทอดอำนาจ ในรัฐธรรมนูญ2550 กำหนดนายกฯอยู่ในวาระติดต่อกันเกิน8ปีไม่ได้

แต่หลายคนเป็นศรีธนญชัย อยู่สัก1ปีครึ่งแล้วลาออก ให้นอมินีมาเป็น แล้วก็กลับมาอีกครั้งได้ แต่รัฐธรรมนูญ2560 เขียนไว้ชัดว่า ห้ามอยู่เกิน8ปี ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ขณะที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุชัดเจน 8ปี นับตั้งแต่วาระอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ด้วย หมายความว่า การเป็นนายกฯตั้งแต่ปี 2557 ต้องถูกนำมานับด้วย โดยเจตนารมณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา158 170 264 โดยลายลักษณ์อักษร เจตนารมณ์ชัดเจน แต่มีความพยายามอ้างคือ ตอนปี2557 รัฐธรรมนูญ2560 ยังไม่เกิด จึงไม่ควรจะนำมานับด้วย แต่เมื่อย้อนไปดูตั้งแต่ปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นนายกฯ
โดยเหตุผลทั้งหลายเชื่อว่า 24ส.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ถ้ามีการตีความเป็นอย่างอื่น

พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯได้ต่อไปอีก รัฐธรรมนูญมาตรา158 จะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ประเทศนี้ มักมีข้อยกเว้น หมดเวลาแล้ว ข้อยกเว้นทั้งหลายต้องสิ้นสุดไป รัฐธรรมนูญฉบับนี้คือขวากหนามกระบวนการประชาธิปไตย ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ อย่าหวังเลยว่า อนาคตเราจะเป็นประชาธิปไตย

นายพิจารณ์ กล่าวว่า ถ้าตีความตามกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อไม่ได้ เมื่ออยู่ไม่ได้ มีความเสี่ยงจะยุบสภาฯ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ หมดความชอบธรรมทางการเมือง ก่อนหน้าอยากได้การหาร500 แต่ไม่มีมือในสภาฯ สุดท้ายไปหาร 100 ตาม พล.อ. ประวิตร อยากได้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีใครลุกขึ้นมาช่วยนายกฯ หากพล.อ.ประยุทธ์ รับสัญญาณหรือรู้ล่วงหน้า คำวินิจฉัยศาลจะเป็นอย่างไร อาจจะยุบสภาฯก่อน 24ส.ค. หรือหลัง 24ส.ค. แต่ยังมีอีกทางคือ เมื่อศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเป็นสถานการณ์ดีที่สุด ไม่รู้ว่าจะฝากความหวังไว้ที่ศาลได้หรือไม่ ครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้าได้เห็นการวินิจฉัยการถวายสัตย์ปฏิญาณ กรณีบ้านพักหลวง เชื่อว่าประชาชน ไม่อยากเห็นผลลัพธ์เป็นแบบนั้นอีก นายกฯไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย การเมือง สังคม เดินไปที่ไหน มีแต่ประชาชนมาบอก ทำอย่างไรก็ได้ให้ลุงตู่ออกไป เพราะเศรษฐกิจแย่เหลือเกิน กลุ่มทุนรวยขึ้นกว่า 2ล้านล้านบาท แต่หนี้ครัวเรือนสูงถึง4ล้านล้านบาท เกิดการเอื้อทุนใหญ่การประมูลรถไฟเชื่อม3สนามบิน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้ายังไม่ยอมลงจากตำแหน่ง เราขอหวังพึ่งความศักดิ์สิทธิ์จากศาลรัฐธรรมนูญ

รอ.จารุพลกล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา158 วรรค4 ระบุ นายกฯดำรงตำแหน่งเกิน8ปี ไม่ได้ แต่คนสนับสนุนบอกว่า ควรนับวาระพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ปี2560 หรือ 2562 แต่หัวใจหลักของการเป็นนายกฯคือ ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ มาตั้งแต่ปี2557 และไม่ได้บอกว่าจะเป็นนายกฯมาจากวิธีไหน เลือกตั้งหรือยึดอำนาจ ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ควรไปได้แล้ว
นายนิคม กล่าวว่า การจะอยู่หรือไปอยู่ที่จิตใต้สำนึก นิสัย กมลสันดานของท่าน มีเส้นบางๆดีหรือชั่ว ถ้าเลือกดีก็ดี ถ้าไม่ดี ก็รับผลกรรม เชื่อว่าวันนี้ท่านคงไม่มีความสุข ถ้าอยากมีความสุข ขอให้เลือกทำดี ถ้าคิดเป็นก่อน23ส.ค.ต้องแถลงลาออก จากสิ่งที่เลว คนจะมองว่าดี เพราะยังรู้ผิด รู้ถูก ยังคิดถึงประเทศชาติส่วนรวม เชื่อว่าท่านมองออก แต่ขึ้นอยู่กับว่า จะเลือกทางไหน ประเทศนี้เป็นของทุกคนที่ต้องอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ทำตัวเหนือกฎหมาย ก็ลองดู พวกเราจะจับท่าน เข้าคุก ถ้ายังไม่ลาออก เดินถนนเส้นไหนไม่ได้ นอกจากอยู่แต่ในค่ายทหาร ลองคิดดู เลือกทางที่ดีที่สุด ลาออก คงไม่ยุบสภาฯ เพราะจะรักษาการไปเรื่อยๆ ประเทศเสียหายมากกว่าเดิม

นายเมธา กล่าวว่า ขอเสนอทางเลือกให้พล.อ.ประยุทธ์ ทางเลือกแรก ลาออกวันที่23ส.ค. เสียสละเพื่อประเทศ เศรษฐกิจดีขึ้น บ้านเมืองได้ไปต่อ ไม่เกิดความขัดแย้ง ทางเลือกที่สองคือ ยุบสภาฯ จะรักษาการต่อไป เป็นทางเลือกที่เห็นแก่ตัว หรือจะเลือกการฝากความหวังไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่มีข้อกังวล ถ้าใช้อำนาจหลังวันที่23ส.ค. หากศาลบอกว่า หมดอำนาจตั้งแต่วันที่ 23ส.ค. การใช้งบประมาณ การแต่งตั้งโยกย้ายจะเกิดความเสียหาย มีคนเสนอทางเลือก ดังนั้นควรลาพักร้อน รอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือทางเลือกสุดท้าย ปล่อยให้ประชาชนรวมตัวกันขับไล่ จะเป็นผู้นำทรราช จะอยู่เมืองไทยไม่ได้ หากเลือกทางเลือกนี้ถือว่า โง่งมที่สุด วันนี้เรากลัวความสูญเสีย ความขัดแย้ง ทางออกที่ดีที่สุด คือ ลาออกวันที่23ส.ค. ไม่เช่นนั้น อาจจะมีความขัดแย้ง ลุกลามบานปลาย แต่ถ้ายังไม่เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่วันที่24ส.ค. ขอให้พี่น้องประชาชน มาร่วมกำหนดชะตากรรมพล.อ.ประยุทธ์ไปด้วยกัน